หน้าเว็บ

วันอาทิตย์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2557

10 วิธีการสร้าง Passive income ออนไลน์ ช่วยให้เราสร้างรายได้ แม้ยามหลับใหล


การมี Passive Income หรือ รายได้รายรับที่เข้ามาโดยที่แทบไม่ต้องทำอะไรเลย คือ สิ่งที่ทุกคนต้องการ ใครๆก็อยากมีเงินหลั่งไหลเข้ามาแม้ในยามหลับ ที่จะทำให้มีกิน มีใช้ มีเวลามากมายในชีวิตที่จะทำสิ่งที่รักแทนที่จะหมดเวลาทั้งวันไปกับงานกองโต และนี่ก็คือหนึ่งในบทความที่จะช่วยแนะนำ 10 วิธีการสร้าง Passive income ออนไลน์ เพื่อให้คุณได้มีโอกาสเข้าใกล้อิสรภาพทางการเงินอย่างที่ฝันไว้

เราจะสร้าง Passive income ออนไลน์ได้อย่างไร

ธุรกิจใดๆ ก็ตามที่มีผู้คนจำนวนมากอยากเข้าร่วม ก็ย่อมมีปริมาณคู่แข่งมากขึ้นไปด้วย ความสำเร็จของเราไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าเราพร้อมที่จะกระโดดเข้าไปร่วมวงด้วยหรือไม่ แต่ขึ้นอยู่กับว่าเราเตรียมตัวพร้อมหรือยัง เพราะ Passive income ในช่วงแรกนั้นไม่ต่างจาก Active income เท่าใดนัก ต้องอาศัยการลงทุน ลงแรงเช่นกัน ซึ่งคนที่ไม่เข้าใจอาจท้อได้ เราจึงควรศึกษาให้ดี เพราะไม่มีธุรกิจไหนในโลกที่เราแค่นอนรับเงินสบายๆ โดยที่ไม่ได้ลงทุนหรือลงแรงอะไรเลย มิฉะนั้นคนก็คงแห่ไปทำกันหมดแล้ว

หลังจากที่เริ่มมีรายได้เข้ามาบ้าง อย่าเพิ่งชะล่าใจ เพราะเราควรใช้ประโยชน์จากช่วงเวลานี้ในการตรวจสอบงานของเราและเริ่มลงทุนลงแรงต่อไปเพื่อให้งานของเราดียิ่งขึ้น เพราะการจะมี Passive income ไม่ใช่แค่การทำสิ่งใดให้เสร็จและไปลั้ลลาต่อได้ แต่มันคือการเปลี่ยนตัวเองจากคนที่ทำงานเพื่อเงินเป็น “นักลงทุน” เพราะการจะมี Passive income ให้คนอิจฉา เราจำเป็นต้องทำสิ่งที่คนอื่นไม่ทำ เช่น การลงทุนในด้านการเงิน และการลงแรง ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเราต้องการทำธุรกิจอสังหาฯ เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะลงทุนก้อนใหญ่ แต่ในโลกของการสร้าง Passive income ออนไลน์นี้ เราอาจต้องใช้ทั้งเงินและระยะเวลาพอประมาณ

The Quest for Change

การสร้างรายได้ Passive ประกอบไปด้วย 3 ข้อ ดังนี้

  • ต้นแบบธุรกิจ
  • กลุ่ม Niche
  • ตลาดที่มุ่งหมาย

เมื่อเรารู้เป้าหมายของเราแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะนำเอาไอเดียธุรกิจมาปรับใช้ ทดสอบ และทำซ้ำจนกระทั่งเราประสบความสำเร็จกับรายได้ที่เราต้องการ

ไอเดียการสร้าง Passive income ทางอินเตอร์เน็ต

1. สร้าง Affiliate บล็อก

คือการสร้างบล็อกหรือเว็บไซต์สำหรับโปรโมทโปรแกรม Affiliate ที่ต้องการ ซึ่งวิธีนี้ได้รับความนิยมแพร่หลายในการสร้างรายได้ passive income ออนไลน์

สร้าง Affiliate บล็อก

เราสามารถสมัครเป็น affiliate ของบริษัทชั้นนำที่ได้รับความนิยมสูง เช่น Clickbank, Amazon ฯลฯ โดยเราสามารถเลือกสินค้าหมวดที่เราสนใจเป็นพิเศษหรือหมวดใดก็ได้มาทำการโปรโมท เราควรมีความรู้เรื่องการทำวิจัยคีย์เวิร์ดเพื่อที่บล็อกของเราจะได้ทำอันดับได้ดียิ่งขึ้น เพราะคีย์เวิร์ดที่ดีและบทความที่ดีจะช่วยดึงทราฟฟิคให้เข้ามาในบล็อกของเรา เมื่อมีทราฟฟิคมากขึ้น โอกาสสร้างรายได้ก็มากยิ่งขึ้น

เราสามารถทำบล็อกมากที่สุดเท่าที่เราต้องการ โดยอาจเริ่มทำทีละบล็อกหรือทำทีละหลายบล็อก ขึ้นอยู่กับความถนัดของแต่ละคน ความถี่ของการอัพเดทบทความก็มีความสำคัญต่อการทำอันดับเว็บ ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไป เราจะเริ่มมีรายได้เข้ามามากขึ้น และเราสามารถทำบล็อกได้มากเท่าที่เราต้องการ แล้วแต่ว่าเราต้องการรายได้มากน้อยแค่ไหน

2. ใช้หลัก Email marketing

วิธีนี้เป็นที่นิยมมายาวนานและยังใช้ได้ผลอยู่ โดยเริ่มแรกเราต้องรู้ว่าตลาดของเราอยู่ที่ไหน เพื่อที่เราจะได้จัดหาสิ่งที่คนเหล่านี้ต้องการ ไม่ว่าจะเป็น สินค้า หนังสืออีบุ้ค ฯลฯ เพื่อมาเสนอให้คนที่เข้ามาเว็บไซต์ของเราฟรีๆ เพื่อแลกกับอีเมลของเขา และเราจะใช้อีเมลของคนเหล่านี้ในการทำการตลาดต่อไป

ใช้หลัก Email marketing

การใช้ Auto-responder หรือ ตัวตอบรับแบบอัตโนมัติ เช่น Aweber ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ได้ผลดี เพราะมันจะส่งลิงค์ดาวน์โหลดให้กับคนที่กดสมัครรับข่าวสารกับเว็บไซต์เราอย่างอัตโนมัติ โดยระยะเวลาในการสะสมอีเมล มาร์เกตติ้ง อาจจะใช้เวลาหลายสัปดาห์จนถึงหลายเดือน แล้วแต่ว่าเราสามารถดึงดูดผู้คนให้เข้ามากด subscribe รับข่าวสารจากเราได้มากเท่าใด แต่หลังจากที่เรามีจำนวนอีเมลพอประมาณแล้ว เราสามารถใช้ประโยชน์จากอีเมลเหล่านี้ได้โดยการขายสินค้าหรือข้อเสนอให้พวกเขา โดยเทคนิคที่สำคัญคือ อย่าสักแต่ว่าขายมั่วไปหมด ให้เน้นเสนอสินค้าหรือบริการที่เราเชื่อมั่นและรู้ว่าดีจริงๆ เพื่อที่พวกเขาจะได้สัมผัสได้ถึงความจริงใจของเรา เน้นน้อยๆ แต่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพดีกว่า วิธีนี้จะทำให้กลุ่มคนใน mailing list ของเราให้ความไว้วางใจและเชื่อถือเรา ซึ่งก็จะมีบางคนที่กดสั่งซื้อสินค้าของเรา และเราจะได้ค่าคอมมิชชั่นจากตรงนี้

สิ่งที่ควรจำเอาไว้ให้ดีถ้าต้องการสร้าง mailing list ให้ได้มากและเปี่ยมไปด้วยคุณภาพ คือ อย่าเน้นขายสินค้าอย่างเดียว แต่จงเน้นการใส่ใจรักษาฐานอีเมลของพวกเขาเอาไว้ ด้วยการเขียนบทความหรือแนะนำข้อเสนอที่น่าจะมีประโยชน์กับพวกเขาให้ฟรีบ้าง เพื่อแสดงให้เขาเห็นว่าเราไม่ได้จะเอาจากเขาอย่างเดียว แต่เราต้องการจะให้สิ่งดีๆกับเขาด้วย เพื่อที่เขาจะได้รู้สึกว่าเขาได้รับประโยชน์มากในการเป็นหนึ่งใน mailing list ของเราและไม่กดยกเลิกการติดตามข่าวสารจากเราไปเสียก่อน

3. สร้างกลุ่มสมาชิก

ถ้าเราเปลี่ยนตัวเองให้เป็นแหล่งข้อมูลชั้นดี เราจะสามารถดึงดูดผู้คนให้เข้ามารวมกลุ่มกับเราได้ และถ้าข้อมูลที่เรามีโดดเด่นและมีประโยชน์มากๆ คนเหล่านี้มักเต็มใจอย่างยิ่งที่จะจ่ายเงินให้เราเพื่อข้อมูลเหล่านั้น

แหล่งข้อมูลหรือเว็บไซต์ของเราควรเน้นที่คุณภาพ มีประโยชน์และคุ้มค่าสำหรับเงินที่พวกเขาต้องจ่าย สำหรับคนที่เขียนไม่เก่งหรือไม่มีเวลาในการสร้างสรรค์บทความคุณภาพ ทางเลือกที่ดีคือการจ้างมืออาชีพให้จัดการส่วนนี้ เพราะถ้าเราอยากมี Passive income จริงๆ เราก็แค่ใช้เงินทำงานให้เราเท่านั้นเอง

ยกตัวอย่างบุคคลที่กลายเป็นเศรษฐีเงินล้านจากวิธีนี้ คือ Timothy Sykes เขาสามารถทำรายได้ Passive income ถึงเดือนละ 125,000 เหรียญสหรัฐฯ จากการเก็บค่าสมาชิกในเว็บไซต์สอนการเทรดหุ้นของเขา

4. ขายสินค้าออนไลน์

การซื้อขายสินค้าออนไลน์เป็นที่นิยมอย่างมากในยุคนี้ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อขายในประเทศหรือทั่วโลก การซื้อขายก็สามารถทำได้ง่ายดายเพียงแค่คลิก

เว็บไซต์ที่เป็นที่นิยมอย่างมากทั่วโลกคือ Ebay.com ที่หลายคนสามารถสร้าง Passive income จนร่ำรวยมาได้นักต่อนัก มีคนไทยหลายคนที่ประสบความสำเร็จจากการขายสินค้าผ่านอีเบย์ ซึ่งถ้าคุณไม่แน่ใจว่าจะขายอะไร ลองนำสิ่งของที่ไม่ใช้แล้วในบ้านมาขายดูสิ เพราะบางครั้ง ขยะสำหรับคนๆหนึ่งคือขุมทรัพย์สำหรับคนอีกคนหนึ่ง

ถ้าคุณไม่ชอบอีเบย์ การลงสินค้าขายใน Facebook หรือ Instagram ก็เป็นอีกหนทางที่ฟรีและได้รับความนิยมสูง มีผู้คนมากมายหลายล้านคนซื้อสินค้าผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์ค และหลายคนก็สามารถร่ำรวยได้จากวิธีนี้ ดังนั้น มันก็คุ้มที่จะลองดูเหมือนกันนะ

5. เป็นพ่อค้าคนกลาง

ธุรกิจซื้อมาขายไปก็สามารถเป็นแหล่ง Passive Income ของเราได้เช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเรารู้จักสินค้าหรือบริการที่มีราคาต่ำ เช่น การเขียนหรืองานดีไซน์ หรือเรารู้จักผู้คนที่สามารถขายสินค้าหรือบริการให้เราได้ในราคาต่ำกว่าตลาดได้ เราก็สามารถนำข้อดีนี้มาเป็นแหล่งรายได้ของเราได้เช่นกัน โดยการนำสินค้าหรือบริการนั้นไปขายต่อทำกำไร ซึ่งเราจะสามารถใช้วิธีนี้เป็น Passive income ได้ เพราะเราแทบไม่ต้องทำอะไรเลย และบางคนที่จับตลาดถูกก็สามารถร่ำรวยได้เช่นกัน

6. หาสปอนเซอร์สำหรับบทความหรือคอลัมน์

วิธีนี้สามารถทำเงินได้ดีเช่นกัน เพราะว่าบางหมวดหมู่ของบล็อกหรือเว็บไซต์เป็นที่นิยมมากๆ ยกตัวอย่าง บล็อกเกอร์ในประเทศไทยที่มีรายได้จากการเขียนบล็อกโฆษณาสินค้าจากสปอนเซอร์ ซึ่งถ้ายิ่งบล็อกเกอร์ดังและมีคนติดตามเยอะเท่าไหร่ จำนวนเงินก็ยิ่งเยอะมากขึ้นเท่านั้น

สำหรับบล็อกเกอร์บางคนที่ไม่อยากเขียนอวยสินค้าเกินจริง ก็สามารถแปะป้ายโฆษณาหรือโลโก้สินค้าของสปอนเซอร์ไว้หน้าบทความก็ได้ เป็นอีกวิธีนี้เหมาะสำหรับคนที่อยากแสดงความจริงใจต่อผู้เข้าชมบล็อก

7. ขายมันสมองของเรา

หมายถึงการนำเอาความรู้ที่เรามีมากลั่นกรองจนออกมาเป็นสินค้าหรือบริการ เช่น ขายอีบุ้คของตัวเอง เป็นต้น ซึ่งสินค้าแนวนี้ถือว่าเป็นการใช้ประโยชน์จากความรู้ของเรา นำมาเผยแพร่แก่คนที่เขาต้องการ ซึ่งวิธีนี้ดีมากๆตรงที่ขั้นแรก เราอาจต้องใช้เวลาและทุนทรัพย์สำหรับการสร้างสินค้าหรือบริการของเราขึ้นมาให้เป็นรูปเป็นร่าง แต่หลังจากที่มันพร้อมจัดจำหน่ายแล้ว ข้อดีคือความสามารถขายได้ด้วยตัวเอง และรายได้ก็เป็นของเราอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยด้วย

นอกจากนี้เรายังสามารถใช้สินค้าของเราให้เป็นแหล่ง Passive income ได้โดยการแบ่งเปอเซนต์ให้กับคนที่ขายสินค้าให้เรา เหมือนกับเรามีโปรแกรม Affiliate เป็นของตัวเอง ซึ่งถ้าทุกอย่างไปได้สวย เราก็สามารถรับทรัพย์ได้แม้กระทั่งตอนหลับหรือกำลังพักผ่อนอยู่กับครอบครัว

8. ธุรกิจเครือข่าย หรือ MLM

หลายคนอาจแขยงและอคติกับธุรกิจเครือข่าย แต่ถ้าพูดกันตามความจริง นี่เป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถสร้าง Passive Income ได้เช่นกัน โดยใช้เงินลงทุนน้อย แต่ถ้าสำเร็จก็คุ้มค่ามากทีเดียว

คุณคงเคยอ่านหนังสือ พ่อรวยสอนลูก ซึ่งผู้เขียนคือ Robert Kiyosaki ได้กล่าวไว้ว่าธุรกิจเครือข่ายสามารถทำให้เราร่ำรวยและมีรายได้ Passive Income ได้จริงๆ แต่ในปัจจุบันที่มีธุรกิจแนวนี้มาก และบางบริษัทก็เข้าข่ายแชร์ลูกโซ่และผิดกฎหมาย เราจึงควรศึกษาแผนธุรกิจและหลักการจ่ายเงินให้ดีก่อนตัดสินใจเข้าร่วมธุรกิจเครือข่าย

9. ขายโฆษณา

วิธีนี้ยอดเยี่ยมมากๆสำหรับการสร้าง Passive income ออนไลน์ ซึ่งเว็บไซต์ควรมีคุณภาพและสามารถดึงทราฟฟิคได้อย่างล้นหลามโดยที่เราไม่จำเป็นต้องยุ่งกับมันมาก มันอาจไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะสร้างเว็บไซต์คุณภาพแนวนี้ แต่มันก็สามารถเป็นไปได้

ในระยะแรกเริ่ม เราอาจทำเงินไม่ได้เลย ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าเราเริ่มทำไปเรื่อยๆ รายได้จะเริ่มหลั่งไหลมา จนกระทั่งเราสามารถมีอิสรภาพทางการเงินได้จากเว็บไซต์ของเรา

10. บริการกู้ยืมเงินออนไลน์

วิธีนี้มีความเสี่ยงและผลตอบแทนงาม การปล่อยเงินกู้ทางอินเตอร์เน็ตเป็นอีกวิธีที่ช่วยสร้างรายได้ Passive โดยเน้นการปล่อยเงินกู้แก่ผู้ที่ไม่มีเครดิต

เราเปรียบวิธีนี้ได้เหมือนการลงทุนอย่างหนึ่ง ถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยเป็นที่นิยมเท่าใดนัก เพราะมีความเสี่ยง อาจผิดกฎหมาย หรือกลัวโดนโกง แต่ถ้าเราศึกษาดีๆและทำให้ถูกต้องเป็นกิจจะลักษณะที่สุด เราก็สามารถสร้างรายได้และผลกำไรได้อย่างมากทีเดียว

นี่คือ 10 วิธีการสร้างรายได้ passive income ทางอินเตอร์เน็ตที่น่าสนใจและทำรายได้ได้จริง บางคนก็ทำรายได้ได้มาก บางคนก็ได้น้อย ซึ่งบทความนี้เป็นแค่แนวทางเท่านั้น ส่วนวิธีการทำให้สำเร็จนั้นทุกคนก็ต้องศึกษาและทดลองทำเอาเอง

http://www.pocketidea.com/business_sales-and-marketing/10-วิธีการสร้าง-passive-income/

วันจันทร์ที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2557

เงินทองของส่วนตัว ทรัพยากรของส่วนรวม นะจ๊ะ


"Money is yours but resources belong to the society"

"‪#‎เงินทองเป็นของคุณก็จริงแต่ทรัพยากรนั้นเป็นสมบัติของส่วนรวมนะ‬... "

(เรื่องดีๆ จากเมล์ ไม่ทราบชื่อคนแต่ง )..

เยอรมันเป็นประเทศซึ่งพัฒนาอุตสาหกรรมไปไกลแล้ว ประเทศนี้เป็นผู้ผลิตสินค้าชั้นนำอย่างเช่น เบนซ์ บีเอ็มดับเบิลยู ซีเมนส์ เป็นต้น ปั๊มพ์ที่ใช้ในเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ผลิตขึ้นในเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งของประเทศนี้

ในประเทศซึ่งมีการพัฒนาไปไกลเช่นนี้ คนส่วนใหญ่คงคิดว่า...

ประชาชนชาวเยอรมันคงใช้ชีวิตที่หรูหราฟุ่มเฟือย อย่างน้อยนั่นเป็นความรู้สึกของผม ก่อนเดินทางไปศึกษาดูงานที่นั่น...เมื่อผมเดินทางถึงฮัมบรูก เพื่อนร่วมชาติซึ่งทำงานอยู่ที่นั่นจัดให้มีการเลี้ยงต้อนรับผมที่ภัตตาคาร

ขณะที่เราเดินเข้าไปในภัตตาคาร เราพบว่าโต๊ะจำนวนมากว่างอยู่ มีโต๊ะหนึ่งมีหนุ่มสาวคู่หนึ่งกำลังนั่งกินอาหารกันอยู่ บนโต๊ะของทั้งคู่ มีอาหารอยู่เพียงสองจาน และเบียร์อีกสองกระป๋อง ผมคิดสงสัยอยู่ในใจว่า อาหารมื้อง่ายๆ อย่างนี้ จะทำให้เกิดบรรยากาศโรแมนติคขึ้นได้อย่างไร และสาวน้อยคนนี้จะเลิกคบกับไอ้หนุ่มขี้เหนียวคนนั้นหรือไม่ มีหญิงสูงอายุอีกสองสามคนนั่งอยู่อีกโต๊ะหนึ่ง เมื่อคนเสิร์ฟนำอาหารมาบริการ เขาจะทำการแบ่งอาหารให้กับลูกค้าเหล่านั้น และทุกคนจะกินอาหารจนหมดสิ้น ไม่มีเศษเหลืออยู่บนจานให้เห็น

พวกเราไม่ได้ให้ความสนใจกับผู้คนเหล่านั้นมากนัก เพราะเรากำลังนั่งรออาหารหลายจานที่ได้สั่งไปแล้วด้วยความหิวโหย อาหารเสิร์ฟออกได้รวดเร็วดี คงเป็นเพราะภัตตาคารมีแขกน้อย เราใช้เวลาในการกินอาหารเย็นมื้อนั้นไม่นาน เพราะเรายังมีกิจกรรมอื่นรออยู่ ขณะที่เราลุกออกจากโต๊ะ ยังมีอาหารเหลือคาจานอยู่อีกราวหนึ่งในสาม

ขณะที่เดินออกจากภัตตาคาร เราได้ยินเสียงใครร้องทักให้หยุด เราหันมอง เห็นเป็นหญิงสูงอายุกลุ่มนั้นกำลังพูดกับเจ้าของภัตตาคารด้วยภาษาเยอรมัน เมื่อเขาเริ่มพูดกับเราเป็นภาษาอังกฤษ เราจึงเข้าใจที่เขาไม่พอใจการกินทิ้งกินขว้างของพวกเรา เราออกอาการหงุดหงิดทันทีที่เขาเข้ามายุ่มย่ามเกินกว่าเหตุ

"พวกเราจ่ายค่าอาหารแล้ว มันไม่ใช่กงการอะไรของพวกคุณสักหน่อย"

เพื่อนของเราคนหนึ่งชื่อ กุย ( Gui) ตอกหน้าหญิงสูงอายุเหล่านั้น หญิงเหล่านั้นโกรธกริ้วเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมาทันที หนึ่งในนั้นหยิบมือถือขึ้นมา ต่อสายถึงใครบางคน ไม่นานช้า ชายในชุดเครื่องแบบเจ้าหน้าที่องค์กรสวัสดิการสังคม (Social Security organization) ก็มาปรากฏกาย ภายหลังจากฟังความจนรู้เรื่องว่าอะไรขึ้น

เขาก็สั่งปรับพวกเราเป็นเงิน 50 มาร์ค พวกเราทุกคนต่างเงียบกริบ เพื่อนซึ่งพักอยู่ในเมืองนี้หยิบเงิน 50 มาร์คส่งให้ไปพร้อมกล่าวขอโทษขอโพยซ้ำๆ เจ้าหน้าที่ผู้นั้นกล่าวกับเรา ด้วยน้ำเสียงที่เข้มงวดว่า "สั่งอาหารเท่าที่พวกคุณจะกินได้หมด เงินทองเป็นของคุณก็จริง แต่ทรัพยากรเป็นสมบัติส่วนรวม มีคนอีกจำนวนมากในโลกนี้ที่อดอยากหิวโหย พวกคุณไม่มีเหตุผล ที่จะใช้ทรัพยากรอย่างทิ้งๆ ขว้างๆ " 

สีหน้าพวกเราเปลี่ยนเป็นสีแดง เราเห็นด้วยกับคำพูดของเขาหมดหัวใจ ทัศนคติของผู้คนในประเทศร่ำรวยแห่งนี้ทำเอาพวกเราอับอายขายขี้หน้า เราต้องทบทวนพิจารณาตัวเองกันจริงๆ จังๆ ในประเด็นนี้ พวกเรามาจากประเทศด้อยพัฒนาที่มีทรัพยากรไม่อุดมสมบูรณ์นัก แต่เพื่อปกปิดปมด้อยเหล่านี้ เราจึงสั่งอาหารมามากมาย และจงใจให้เหลือในยามจัดเลี้ยงผู้อื่น บทเรียนนี้สอนเราให้คิดอย่างจริงจังเพื่อที่จะปรับเปลี่ยนนิสัยไม่ดีเหล่านี้เสีย เพื่อนผู้จ่ายค่าปรับถ่ายสำเนาใบเสร็จค่าปรับแล้วมอบให้กับพวกเราทุกคนพวกเราทุกคนรับเก็บไว้โดยดุษฎี และนำแปะไว้ข้างฝา เพื่อเตือนใจตลอดไปว่า เราจะไม่ทำตัวเป็น 'คางคกขึ้นวอ' อีกอย่างเด็ดขาด...

วันพุธที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2557

เรารับขยะใจหรือเปล่า


ลองอ่านกันนะครับ บทความยาวแต่ดีมากเลย ผู้ชายคนนึง
พอตื่นขึ้นมา เขาก็เปิดถังขยะ เอาขยะมาถูๆ ตัว
เท่านั้นยังไม่พอ เขาเดินตรงไปที่ท่อระบายน้ำ
เปิดฝาท่อ แล้วตักเอาน้ำเน่าในนั้นมาอาบ
เสร็จแล้วเขาก็ออกไปทำงาน

กลางวันเขารู้สึกตัวแห้งๆ ยังไม่รู้
ก็เลยหาน้ำถูพื้นของแม่บ้านมาราดตัวให้ชุ่ม
ตกเย็นกลับมาบ้าน
พอใกล้จะนอน เขายังเอาน้ำเน่าที่เหลือเมื่อเช้ามารดตัวอีกครั้ง...
ก่อนจะหลับตาลงพร้อมกับความสงสัยทุกคืนว่า
"เมื่อไหร่ตัวข้าจะหอมซะทีวะ?"

ครับ! เป็นใครก็ต้องคิดว่าไอ้หมอนี่ท่าจะบ้า

ชายคนที่ผมพูดถึงไม่มีตัวตนจริงๆ หรอกครับ
แต่ถ้าผมจะบอกว่า
เราหลายคนอาจเผลอทำพฤติกรรมคล้ายๆ ผู้ชายคนนี้โดยไม่รู้ตัว
อ่ะจิงดิ?

เราตื่นขึ้นมาพร้อมกับเปิดดูข่าวร้ายๆ ลบๆ ในทีวี
นั่งจิบกาแฟหน้าหนังสือพิมพ์ที่พาดข่าวอาชญากรรม
ขึ้นรถเปิดวิทยุ คนจัดรายการประโคมข่าวเศรษฐกิจแย่ๆ ให้ฟัง
กลางวันเรานั่งนินทาเจ้านายกับเพื่อนร่วมงาน

กลับบ้านมา เราก็หลับไปพร้อมกับละครตบตีกัน
ที่วันๆ ตัวละครไม่ต้องทำงาน คิดแต่เรื่องแย่งสามีชาวบ้าน
แล้วเราก็ได้นอนสงสัยว่า
"ทำไมไม่มีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นกับฉันบ้างวะ?"

ครับ! ก็ไม่รู้สินะ ชีวิตมันจะดีได้ไง
ในเมื่อเราเอาแต่ของแย่ๆ พลังงานลบๆ เข้าไปในความคิด

จากประสบการณ์ตรงของผม
"ชั่วโมงแรก" กับ "ชั่วโมงสุดท้าย" ของวันนั้น
เป็นอะไรที่สำคัญมาก
ชั่วโมงแรกจะเป็นดังหางเสือที่กำหนดอารมณ์ของวันนั้น
ชั่วโมงสุดท้ายจะเป็นตัวสรุปเรื่องราวของทั้งวันนั้น

ถ้าเราใช้กาแฟปลุกสมอง
ถ้าเราใช้อาหารปลุกร่างกาย
เราก็ต้องใช้ "เรื่องราวดีๆ" ปลุกพลังใจครับ

ซิก ซิกล่าร์ ปรมาจารย์ด้านความสำเร็จระดับโลก
พูดเรื่องนี้ไว้ได้ดีมากครับ
เขาถามว่า "คุณจะยอมให้ใครก็ไม่รู้ เดินเข้ามาในบ้าน
แล้วทิ้งขยะถุงใหญ่ไว้ในห้องนั่งเล่นในบ้านเรามั้ย?"

แน่นอนว่าไม่มีใครยอม
แล้ว ซิก ซิกล่าร์ ก็ปิดท้ายด้วยประโยคเด็ดว่า
"ถ้าคุณไม่ยอมให้ใครเอาขยะมาทิ้งในบ้าน
แล้วเรื่องอะไรคุณจะยอมให้ใครก็ไม่รู้เอาขยะมาทิ้งในจิตใจ?"

อ่านหนังสือดีๆ สักนิดยามเช้า
ฟังเพลงปลุกพลังสักหน่อย
แล้วก้าวออกจากบ้านพร้อมคำถามดีๆ ที่จะเป็นหางเสือของวันนี้ว่า
"วันนี้จะมีเรื่องอะไรดีๆ เกิดขึ้นกับฉันบ้างนะ?"

ถึงที่ทำงาน อยู่ให้ห่างจากคนที่ชอบจับกลุ่มกันบ่นๆๆ
ตั้งใจทำงานให้เต็มที่ เพราะเรามาทำงาน ไม่ได้มาเล่น
กลับบ้านมาหาอะไรเบาๆ ประเทืองปัญญา ปิดท้ายวัน
แล้วหลับไปพร้อมกับเรื่องราวดีๆ ในวันนี้ที่เราต้องขอบคุณ

อยากมีสุขภาพดี
เรายังพิถีพิถันเลือกอาหารที่จะเอามาใส่ปาก
อยากมีชีวิตที่ดี
เราก็ต้องพิถีพิถันเลือกสิ่งที่จะเข้าไปอยู่ในความคิดของเรา

ลองทำดูครับ
แล้วชีวิตคุณจะเปลี่ยนแบบที่จำตัวเองในอดีตไม่ได้เลย
เอาล่ะ เริ่มด้วยคำถามนี้เลย!
"วันนี้จะมีเรื่องอะไรดีๆ เกิดขึ้นกับฉันบ้าง"

วันจันทร์ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ครึ่งชีวิตกับแนวคิด 10 เรื่องของ Steve Jobs


1.เราไม่เสียใจกับเรื่องที่ได้ทำ ไม่ว่าผลจะเป็นยังไงก็ตาม แต่เราจะเสียใจกับเรื่องที่ไม่ได้ทำมากกว่า

2.เราเห็นโลกในแบบที่เราเป็น ไม่ใช่แบบที่มันเป็น : คนมองโลกบวก จะเห็นทุกอย่างเป็นโอกาส ชีวิตจะเต็มไปด้วยความสุข มันเป็นแบบนั้นจริงๆ


3.เราต้องทุ่มพลังไปกับเรื่องที่เราถนัดจริงๆ ให้เราเป็น expert ในเรื่องนั้น แล้วงานที่ออกมาจะชั้นหนึ่ง

4.อย่ากลัวการเปลี่ยนแปลง ผลของมันมักจะดีเสมอ ถึงตอนแรกๆ จะดูไม่ออกก็ตาม


5.ทุกคำล้อเล่นจากเพื่อน มีความจริงครึ่งนึง เราพึ่งมาเห็นกันตอนโตๆนี่เอง

6.เวลาคือ commodity ที่มีค่ามากที่สุด


7.พัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ วินัยในการพัฒนาตัวเองเป็นสิ่งที่แยกระหว่างคนที่สำเร็จกับคนที่ล้มเหลว

8.การลงทุนในครอบครัวเป็นสิ่งที่คุ้มค่าที่สุด : พ่อแม่ไม่อยู่ให้ดูแลตลอดไป ลูกก็ไม่ไร้เดียงสาตลอดไป


9.สะสมเรื่องราวให้มากกว่าสิ่งของ : เมื่อเวลายิ่งผ่านไปสิ่งของจะมีค่ากับเราน้อยลง แต่เรื่องราวจะมีค่ากับเรามากขึ้น

10.เลือกคนที่จะอยู่รอบตัวเราให้ดี เพราะยิ่งนานวันนิสัยของเราและคนเหล่านี้จะค่อยๆ กลมกลืนเข้าหากัน