เรื่องราว ข้อความหรือคำพูดดีๆ เพื่อแบ่งปันให้คนที่คุณรักหรือรักคุณ
หน้าเว็บ
วันจันทร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2561
สามก๊กยุคดิจิทัล
#กวนอู
...ตาย เพราะหยิ่งในความเป็นทหาร เพิกเฉยต่อการเจรจากับซุนกวนจนสุดท้ายหัวขาดในสถานะผู้แพ้สงคราม
#เตียวหุย
...ตาย เพราะลุแก่โมหะ ถือตนว่าเป็นแม่ทัพใหญ่ สั่งโบยตีทหารเลว จนสุดท้ายทหารเลวแอบมาปาดคอตอนแม่ทัพใหญ่กำลังเมามาย
#เล่าปี่
...ตาย เพราะลุแก่โทสะ อยากแก้แค้นให้กวนอู ถือตนว่าเป็นอ๋องเป็นกษัตริย์จนลืมไตร่ตรองวิธีตั้งค่าย สุดท้ายพลาดท่าถูกลกซุนแม่ทัพหน้าใหม่ของซุนกวนพาทหารมาเผาค่ายจนวอดวาย เล่าปี่บาดเจ็บและตรอมใจตาย
#โจโฉ และ #ซุนกวน
...ผู้ที่ได้ชื่อว่าจอมทัพและครองพื้นที่ 1 ใน 3 ของแผ่นดินมังกร ตายด้วยอาการประสาทเสื่อม มองเห็นภาพหลอนของคนที่ตัวเองเคยเข่นฆ่า
#จิวยี่
...ผู้มีปัญญาล้ำเลิศที่สุดในง่อก๊ก ต้องกระอักเลือดตายเพราะไม่สามารถระงับโทสะที่เกิดขึ้นจากการพ่ายแพ้อย่างราบคาบแก่ผู้มีปัญญาเลิศล้ำกว่าตน ที่มีนามว่า ขงเบ้ง
#จูกัดเหลียง หรือ #ขงเบ้ง
...ผู้มีปัญญาเลิศล้ำที่สุดในแผ่นดินมังกร ตายไปพร้อมกับอาการห่วงหน้าพะวงหลัง พะว้าพะวัง ในราชกิจที่ยังคงคั่งค้าง
ที่กล่าวมาทุกคนล้วนแต่เป็น "วีรบุรุษ" ล้วนแต่เป็น "นักปราชญ์" ล้วนแต่เป็น "เจ้าเหนือหัว"
แต่การมีแค่เพียงพละกำลัง ความรู้ และอำนาจ
ไม่ได้ช่วยให้ใครตายสบายสักผู้สักคน
ตราบใดที่คนเหล่านั้นยังคงยึดถือ "#ตัวตน"
หรือ "#อัตตา" ในตัวเองอยู่
จะกล่าวถึง
#เตียวจูล่งหยุ่น
...แม่ทัพคนสำคัญของเล่าปี่ ผู้นี้ฆ่าคนมามาก ไต่เต้าจากตำแหน่งทหารกระจอก จนได้เป็นแม่ทัพใหญ่แห่งจ๊กก๊ก
...แต่ทุกภารกิจ ทุกศพที่เขาเข่นฆ่า และทุกสงคราม จูล่งไม่เคยเอาอารมณ์เข้าไปผสม
...จูล่งทำ "#หน้าที่เพื่อหน้าที่" เท่านั้น
...แม้ก่อนตายจูล่งจะเสียสถิติ "ขุนศึกผู้ไร้พ่าย" เพราะต้องมีอันพ่ายแพ้ในศึกเทียนสุย จนแทบเอาชีวิตไม่รอด แต่จูล่งสามารถละอัตตา สั่งถอยทัพเพื่อรักษาประโยชน์ส่วนรวม
...และยังปลงใจให้ยอมรับในความจริงที่เกิดขึ้นได้
...วาระสุดท้ายของจูล่ง จึงจากไปอย่างสงบ
...สงบจนพระเจ้าเล่าเสี้ยนถึงกับหลั่งน้ำตาชโลมแผ่นดินมังกรให้แก่ขุนศึกผู้เปรียบเสมือนบิดาของตนเอง
ความเครียดจากชีวิตยุคดิจิทัล
คงไม่ได้เกิดมาจากความลำบากในการทำงานอย่างเดียว ไม่ได้เกิดมาจากความผิดพลาดหรือผิดหวังอย่างเดียว
แต่เกิดจากการที่เรา เอาตัวเรา เข้าไปผสมกับงาน
ผสมกับผลการสอบ กับผลการประเมิน กับเงินเดือน
หรือกับสิ่งต่างๆ รอบกาย
พระพุทธองค์จึงทรงสอนให้เรา
#ละตัวตน + #ลดอัตตา
#ทำหน้าที่ = #เพื่อหน้าที่
#3ก๊กฉบับสอบราชการ
วันพฤหัสบดีที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2561
แบบไหนที่เรียกว่า คนที่มีบุญมาก
ใครคือคนที่มีบุญมาก……ท่านเองก็อาจมีบุญมากได้ด้วยการฝีกฝน
~ คนที่ทำทานมาก…อาจไม่ใช่คนที่มีบุญมากเสมอไป…คนที่มีศีลมาก…ก็อาจไม่ใช่คนที่มีบุญมาก…แล คนที่ทำสมาธิมาก…ก็อาจไม่ใช่คนที่มีบุญมากเช่นเดียวกัน
~ คนที่ทำทานมาก……อาจเป็นเพียงคนที่รู้จักเสียสละมาก…แต่ถ้า ในชีวิตประจำวัน นั้น……ยังเป็นคนที่ขี้หงุดหงิดขี้บ่น…รู้สึกว่ามีแต่เรื่องที่ไม่น่าพอใจ…มีแต่เรื่องกวนใจมารบกวน…มีแต่สิ่งที่ไม่น่าพอใจมาให้ได้พบเห็น…มีแต่ความทุกข์ใจ……จะถือว่าเป็นคนมีบุญมากได้อย่างไร
~ คนที่คิดว่ามีศีลมาก……ทำสมาธิมาก……ก็ไม่แตกต่างกันมากนักดอก……เพราะ…ถ้า ในชีวิตประจำวัน นั้น……ยังเป็นคนที่ขี้หงุดหงิดขี้บ่น…รู้สึกว่ามีแต่เรื่องที่ไม่น่าพอใจ…มีแต่เรื่องกวนใจมารบกวน…มีแต่สิ่งที่ไม่น่าพอใจมาให้ได้พบเห็น…มีแต่ความทุกข์ใจ……จะถือว่าเป็นคนมีบุญมากได้อย่างไร……แต่ ก็ยังดีที่ได้สะสมอริยทรัพย์ไว้ใช้ในโลกหน้า……เพียงแต่ …ในโลกปัจจุบัน…ย่อมถือว่า…ท่านยังไม่มีบุญมากจริง
~ คนที่มีบุญมาก คือ…คนที่สบายใจง่าย ……อยู่ที่ไหน…ในเวลาใด……ก็สุขง่าย…ทุกข์ยาก……มีแต่ความเบาจิตเบาใจ…ปลอดโปร่งโล่งสบาย……ท่านล่ะ……เป็นเช่นว่าหรือยัง ???……
~ คนที่สามารถจ่ายค่าอาหารแพงๆในร้านดีร้านดัง…แต่ยังปล่อยให้ตัวเองหงุดหงิด…กับบริการ …หรือ…เรื่องอะไรที่ไม่ได้ดั่งใจ …อาจเรียกได้ว่า…เป็นคนมีสตางค์มาก…แต่ยังไม่ใช่คนมีบุญมากจริงๆ
~ คนที่มีบุญมากจริงๆนั้น… มักจะอยู่ง่ายกินง่าย… ปรับตัวได้ง่าย …ไม่ค่อยถือสาอะไรมากมายให้เป็นทุกข์ …อะไรที่เป็นทุกข์…ก็เพียงรู้ว่า…เป็นทุกข์…แต่…ไม่นำทุกข์มาแบก
~ คนที่มีบุญมากจริงๆ …มักไม่ค่อยถือตัวถือตน …เข้าใจว่าสรรพสิ่งล้วนแต่เป็นสิ่งสมมุติ……ไม่มีอะไรที่ยั่งยืนถาวร……มีเกิดแล้ว…ตั้งอยู่…ในที่สุดก็ดับไป……มีความรู้สึกปล่อยวาง…มากกว่าเอามาแบกทับถมตัวเองให้เป็นภาระหนักตลอดเวลา……
~ คนที่มีบุญมากจริงๆ……มักไม่คิดว่าตนเองพิเศษอะไรกว่าใคร …ในทางตรงกันข้าม …เขาจะรู้สึกขอบคุณ……เวลาที่ใครทำอะไรให้ ……ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ ……จนรู้สึกว่าตนเองเป็นคนโชคดี ……แม้ถึงคราวที่ต้องประสบกับเหตุการณ์ใดๆที่ไม่ดี ……ก็ยังเห็นเป็นบทเรียน หรือ……ยังพอเห็นด้านดีได้อยู่……หรือ มักมองเห็นด้านบวกได้เสมอ
.
~ คนที่มีบุญมากจริงๆ……ไม่จำเป็นต้องมีอะไรเพียบพร้อม ……หรือดีพร้อม ……ถึงกระนั้น……เขาก็ไม่รู้สึกต่ำกว่า……หรือสูงกว่าใคร ……ดีกว่าใคร……หรือเลวกว่าใคร ……ฉลาดกว่าใคร……หรือโง่กว่าใคร ……เพราะเขาให้เกียรติความเป็นคนของทุกคน ……รวมทั้งตนเอง ……จึงไม่นำตนเองไปเปรียบเทียบกับใคร ……หรือ……นำใครมาเปรียบเทียบกับตนเอง ……ถึงกระนั้น ……เขาก็ยินดีรับฟังคำแนะนำจากผู้อื่น ……โดยไม่หลงเป็นเหยื่อคำสรรเสริญ ……และ…คำนินทา
.
~ คนมีบุญมากจริงๆ……มองไปที่ไหน …เมื่อใด…ได้ยินอะไร……ก็สบายอกสบายใจ ……เพราะเข้าใจความเป็นเช่นนั้นเอง……ของทุกๆชีวิต ……เห็นคนได้ดี ก็รู้ว่า……เขาคงเคยทำสิ่งดีๆมาก่อน……เห็นคนลำบาก……ที่พอช่วยเหลือได้ ……ก็ช่วยไปตามกำลัง ……อะไรที่เกินกำลัง……ก็ไม่ปล่อยให้ตนเองว้าวุ่น กังวล ทุกข์ร้อนใจไปกับสิ่งนั้น……เข้าใจดีว่า……ทุกคนมีกรรมเป็นของตนเอง……มีกรรมเป็นมรดก……แต่ละคน…ย่อมเป็นไปตามกฎแห่งกรรมที่ตนได้เคยกระทำ……ไม่ทำสิ่งที่ไม่ดี…ละอายชั่ว…กลัวบาป……ทำสิ่งที่ดีๆ……หาเวลาทำจิตให้ผ่องใสด้วยการมีสติในการปฏิบัติธรรม……โดยทำในที่ใดๆก็ได้……ไม่จำเป็นต้องไปทำที่วัด ……หรือ ที่สำนักปฏิบัติธรรมใดๆ……ทำที่บ้านก็ได้……ทำได้ในทุกแห่ง……ด้วยความมีสติในปัจจุบันขณะ
~ พวกเราทุกคน……สามารถฝึกฝนอบรมตนเองให้เป็นคนที่มีบุญมากดังกล่าวได้ ……เป็นเรื่องปัจจัตตัง……ที่รู้ได้เฉพาะตนคนที่ทำการฝึกฝนตนเองให้เป็นคนมีบุญมากก่อนตายได้ทุกคน
~ ขออำนวยพรให้ผู้อ่านทุกท่านและ…ผู้เรียบเรียงเป็นผู้สำเร็จในการมีบุญมากในชาติปัจจุบัน