หน้าเว็บ

วันอาทิตย์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

โลกของ "ความเป็นเพื่อน"


ครั้งหนึ่ง ผมเห็นเด็ก ตอนนั้นน่าจะอายุราว 6-7 ขวบกำลังเล่นสวนน้ำบนหลังคาห้างสรรพสินค้าใหญ่ กำลังวิ่งเล่นน้ำในสระน้ำตื้นๆ

ตอนแรกเห็นแกเล่นอยู่คนเดียว พอสักพักมีเด็กวัยเดียวกันที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนเข้ามาเล่นด้วย จากหนึ่งคน เป็นสอง เป็นสาม...

ไม่ช้าเป็นกลุ่มใหญ่ ส่งเสียงพูดคุยหัวเราะให้กันสนุกสนาน พากันเล่นโน่น เล่นนี่ด้วยกัน !!!

ความเป็นเพื่อนของเด็กเกิดง่ายมาก แค่นำตัวเองเข้ามาร่วม กลุ่มก็เปิดรับ เรียบง่าย ไม่มีอื่นใด...

นึกถึงสมัยเรียนมัธยม วัยที่โลกนี้มีแต่เพื่อนเท่านั้นที่สำคัญที่สุด...

ไม่เรียบง่ายเหมือนสมัยเด็กเล็กๆ แต่ไม่มีอะไรซับซ้อน ขอเพียงมีเวลาให้กัน แค่นั้นทุกอย่างจบ อาจจะทะเลาะกันบ้าง แต่เมื่อหายโกรธก็กลับมา กอดคอเที่ยวเล่นกันได้เหมือนเดิม รักกันเหมือนโลกนี้ไม่มีอะไรยิ่งใหญ่มากกว่าความเป็นเพื่อนอีกแล้ว !!!

ยิ่งโตขึ้นความรู้สึกแบบนี้ยิ่งค่อยๆเลือนหายไป เริ่มที่จะเลือกคนที่จะมาเป็นเพื่อนมากขึ้น ตัดขาดเพื่อนเก่าบางคน มองหาใครที่จะมาเป็นเพื่อนใหม่ มีกรอบที่จะคัดสรรคนมาเป็นเพื่อนมากขึ้น อย่างน้อยมีสไตล์ชีวิตคล้ายๆกัน มีเรื่องราวที่สนอกสนใจเหมือนๆกัน หรือไม่บางคนถึงขั้นต้องมีผลประโยชน์ร่วมกันเท่านั้น !!!

โลกของเพื่อนแคบลงเรื่อยๆ มองคนที่มีสไตล์ชีวิตแตกต่าง หรือไม่มีประโยชน์ร่วม ไร้สาระ เสียเวลาที่จะคบหา...
โกรธใครสักคนก็หัวปักหัวปำ ชาตินี้ยากจะคืนดีกันได้ หรือหากเป็นเรื่องผลประโยชน์ขัดกันอาจถึงขั้นต้องล้างผลาญแตกหัก ดับดิ้นกันไปข้าง !!!

ความเป็นเพื่อนที่เรียบง่ายค่อยๆจางหายไป...

แต่เมื่อวันที่ชีวิตเริ่มเข้าสู่วัยชรา เหมือนความเรียบง่ายนั้นจะกลับมาเอง...

เราจะพบเห็นเสมอว่าคนแก่ที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แค่นั่งกินกาแฟร้านเดียวกัน มีเรื่องคุยกันได้ครึ่งค่อนวัน เล่าถึงวันเก่าๆ เรื่องราวของลูกหลานแลกเปลี่ยนกัน...

ในสวนสาธารณะที่ไปเดินออกกำลังกาย ผู้สูงอายุต่างพูดคุยกัน ช่วยเหลือเอื้ออาทรกันโดยไม่ถือชั้นวรรณะ เอ็งจนข้ารวย ข้าเคยมีตำแหน่งใหญ่โต ส่วนเอ็งแค่คนหาเช้ากินค่ำ ไม่เอาอะไรแบบนั้นมาปิดกั้นความสัมพันธุ์อีกแล้ว !!!
เมื่อไม่มีกรอบของชีวิตเสียแล้ว ความเป็นเพื่อนก็เกิดขึ้นง่าย...

อาจจะเป็นความไม่มีกรอบที่เกิดขึ้นจากความไร้เดียงสาของเด็กๆ หรือกรอบถูกสลัดไปจากความเจนโลกเจนชีวิตของคนแก่...

มิตรภาพที่เรียบๆ ง่ายๆ ไม่มากเรื่องมากความ เกิดจากชีวิตที่ไม่มีกรอบขังตัวเองไว้ให้ห่างจากคนอื่น
ในหลักสูตรอบรมดังๆ ที่นิยมเข้าเรียนกันในปัจจุบัน จนมีการเปิดสอนกันมากมายเพื่อให้หน่วยงาน หรือบริษัทตัวเองเป็นสถาบันที่โด่งดัง ได้รับกาายอมรับนับถือ...

คอร์สแรกของการเข้าอบรวมด้วยกัน คือ "ละลายพฤติกรรม"

เอาคนที่หลากหลาย เป็นใหญ่เป็นโตจากต่างที่ต่างทาง มาเล่นเฮฮา บ้างครั้งบ้าๆ บอๆ ร่วมกัน เรียกว่า "ละลายพฤติกรรม"

คำที่มักใช้เสมอในคอร์สนี้คือ "ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร ใหญ่โตมาจากไหน เมื่อเดินเข้ามาในนี้ จงถอดหมวกวางไว้หน้าประตู เข้ามาแล้วทุกคนเท่าเทียม ไม่มีใครเล็ก ไม่มีใครใหญ่กว่าใคร !!!"

ว่าไปกิจกรรมทั้งหมดที่ทำในคอร์สนี้คือการทลายกรอบที่ทุกคนตีไว้ขังตัวเอง ให้เปิดใจออกมาต้อนรับคนอื่นเป็นเพื่อนง่ายขึ้น...

เล่นสนุกสนานเฮฮาร่วมกันได้ !!!    เหมือนเด็กๆ ถอดฟอร์มตัวเองทิ้ง

ใครถอดได้ก่อน ได้เร็ว จะกลายเป็นผู้นำกิจกรรมของกลุ่มไปโดยอัตโนมัติ ไม่ว่าใหญ่โต ต่ำต้อยมาจากไหน หากยังถอดฟอร์มของตัวเองทิ้งไม่ได้ จะกลายเป็นคนที่เงอะงะตามเพื่อนไม่ทันเหมือนๆ กัน

ด้วยคอร์สละลายพฤติกรรมทำให้เปิดใจต้อนรับคนอื่นได้ง่ายๆเหมือนที่เคยมี ตอนเป็นเด็กเล็กๆ

ถ้าหลักสูตรไหน หรือผู้เรียนรุ่นใหญ่สามารถแกะกรอบของเพื่อนร่วมรุ่นได้มาก ถอดฟอร์มทิ้งเมื่ออยู่กับเพื่อนได้เสมอ...
หลักสูตรนั้น หรือรุ่นนั้นถือว่าประสบความสำเร็จ !!!

ว่าไปแล้วความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ของหลักสูตรแบบนี้ ที่สุดแล้วแทบไม่ได้อยู่ที่วิชาความรู้ที่เอามาอบรม แต่อยู่ทำให้คนในหลักสูตร เพื่อนร่วมรุ่น คบหาสมาคม ช่วยเหลือกันและกัน โดยไม่ถือยศถาบรรดาศักดิ์ ฐานะได้นานแค่ไหนมากกว่า...
ความสนุกสนานเฮฮากับเพื่อนร่วมรุ่นได้ เป็นสิ่งที่มีค่า เพราะเราได้ชีวิตในวัยเด็กที่เรียบง่ายกลับคืนมา...

ในรุ่นเพื่อนสมัยมัธยมบางกลุ่มก็เป็นอย่างนั้น แยกย้ายกันไปสร้างเนื้อสร้างตัว สร้างชื่อเสียง บางคนสำเร็จ หลายคนล้มเหลว บางคนชีวิตเหมือนวันเก่าๆ !!!

ในงานเลี้ยงรุ่นชั้นมัธยม หากกลุ่มไหน เอาแต่ยกย่องชมเชยเพื่อนที่ได้เป็นใหญ่เป็นโต ร่ำรวย มีหน้ามีตา ละเลยเพื่อนที่ยังเดินไปไม่ถึงฝัน จะเป็นงานเลี้ยงรุ่นที่เพื่อนมาร่วมน้อยลงไปเรื่อยๆ ...

แต่หากกลุ่มไหน ให้เกียรติเพื่อนเสมอกัน เพื่อนผู้ประสบความสำเร็จมีวุฒิภาวะพอ ที่จะรู้ว่าต้องถอดหมวกแห่งความยิ่งใหญ่ ทิ้งไปก่อนเข้างาน มาในฐานะ "เพื่อน" ที่เสมอๆ กัน !!!

งานเลี้ยงเพื่อนรุ่นนั้นยิ่งนานยิ่งมีเสน่ห์ เพื่อนที่จะเข้าร่วมยิ่งมากขึ้น

ทำตัวเหมือนเด็กที่ชวนกันวิ่งเล่นในสวนสาธารณะ หรือเหมือนผู้เฒ่าผู้แก่ที่ชวนกันคุยเรื่องราวเก่าๆในร้านกาแฟได้มากเท่าไร !!!

ถอดกรอบที่ตัวเองตีไว้ เปิดใจรับเพื่อน โดยไม่นึกถึงประโยชน์ตัวเองได้มากเท่าไร !!!  ชีวิตในเวลาที่อยู่กับเพื่อนจะสนุกสนานเฮฮาได้มากเท่านั้น

ต่างกันที่ "ทำได้หรือไม่ แค่ไหน"