หน้าเว็บ

แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ เพื่อนที่ดีที่สุด แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ เพื่อนที่ดีที่สุด แสดงบทความทั้งหมด

วันเสาร์ที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

ชัยชนะที่ยั่งยืน


สตีเวน สปีลเบิร์ก ผู้กำกับและนักสร้างหนังชื่อดังแห่งฮอลลีวู้ด เล่าว่าเมื่ออายุ ๑๓ ปีชีวิตของเขาเหมือนตกอยู่ในนรก เพราะที่โรงเรียนมีอันธพาลวัย ๑๕ คนหนึ่งชอบทำร้ายเขา ทั้งทุบตีและขว้างปาระเบิดไข่เน่าใส่เขา เขาทนสภาพนี้อยู่นาน 

แล้ววันหนึ่งเขาก็เข้าไปหาอันธพาลคนนั้นและพูดว่า

“เธอรู้ไหม ฉันกำลังถ่ายทำหนังเรื่องสู้กับนาซี เธออยากเล่นบทพระเอกไหม ?” 

ทีแรกอันธพาลหัวเราะใส่เขา แต่ในที่สุดก็ตกลง สปีลเบิร์กเล่าว่า หลังจากถ่ายทำวีดีโอเสร็จ อันธพาลคนนั้นได้กลายมาเป็นเพื่อนสนิทของเขา

การที่สปีลเบิร์กให้การยอมรับเขาและเปิดโอกาสให้เขาได้เป็นพระเอก มีส่วนสำคัญในการเปลี่ยนเขาจาก “ศัตรู” ให้กลายเป็นมิตรได้ เพราะลึก ๆ วัยรุ่นคนนั้นก็ไม่ได้ต้องการอะไรมากไปกว่าการได้รับความยอมรับ สปีลเบิร์กชนะใจเขาด้วยการยื่นไมตรีให้แทนที่จะตั้งตัวเป็นศัตรูหรือยอมจำนนต่ออำนาจบาตรใหญ่ของเขา

น้ำใจไมตรีไม่เพียงแปรเปลี่ยนความขัดแย้งให้คลี่คลายไปในทางที่ดีเท่านั้น หากยังสามารถเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาสได้ด้วย

นักธุรกิจไทยผู้หนึ่งได้เล่าถึงประสบการณ์เมื่อครั้งไปเรียนหนังสือในเมืองบอสตันว่า เธอเคยถูกคนผิวดำล็อกคอและเอามีดจี้ขณะรอสัญญาณไฟเขียวบนเกาะหน้ามหาวิทยาลัย เมื่อโจรพบว่าในกระเป๋าของเธอมีเงินแค่ ๒๐ ดอลลาร์ ก็ไม่พอใจ เขาขุ่นเคืองหนักขึ้นเมื่อพบว่าเธอไม่มีนาฬิกา แหวนและกำไลเลยสักอย่าง เขาจึงถามเธอว่า 

“เป็นคนเอเชียมาเรียนที่นี่ได้ก็ต้องรวยไม่ใช่หรือ ?” 

เธอตอบว่า 

“สำหรับฉันน่ะไม่ใช่ เพราะได้ทุนมา”

แล้วโจรก็ย้อนกลับมาถามถึงเงิน ๒๐ ดอลลาร์ว่าจะเอาไปทำอะไร เธอตอบว่า เอาไปซื้อไข่ เขาถามเธอว่าเอาไข่ไปทำอะไร 

“เอาไปต้มกินได้ทั้งอาทิตย์” 

เธอตอบตามความจริงเพราะตอนนั้นการเงินฝืดเคือง

ระหว่างที่โต้ตอบกันอยู่นั้น ยามหน้ามหาวิทยาลัยเห็นผิดสังเกต จึงยกหูโทรศัพท์เรียกตำรวจ เธอมองเห็นพอดีก็เลยโบกมือว่า

“ไม่ต้อง ๆ เราเป็นเพื่อนกัน” 

โจรได้ยินเช่นนั้นก็งง ถามว่า
“คุณรู้จักกับผมตั้งแต่เมื่อไหร่ ?”

“ก็เมื่อกี้ไง” เธอตอบ

โจรเปลี่ยนท่าทีไปทันที หลังจากสนทนาพักใหญ่ โจรไม่เพียงแต่จะคืนเงินให้เธอ หากยังพาเธอไปซื้อไข่และซื้ออาหาร ๓ ถุงใหญ่ พร้อมทั้งหิ้วมาส่งถึงหน้ามหาวิทยาลัย แล้วยังแถมเงินอีก ๕๐ ดอลลาร์

เรื่องนี้ยังไม่จบเพราะวันรุ่งขึ้นเธอนำเงิน ๕๐ ดอลลาร์นั้นไปซื้อเครื่องปรุงอาหารไทย แล้วไปเยี่ยมบ้านเขาเพื่อทำต้มยำกุ้งให้กินกันทั้งครอบครัว นับแต่นั้นทั้งสองฝ่ายก็ไปมาหาสู่กัน เธอเล่าว่าทุกวันนี้หากมีธุระไปบอสตันก็จะไปแวะเยี่ยมครอบครัวนี้ทุกครั้ง

น้ำใจไมตรีและความดีนั้นมีพลังที่สามารถเปลี่ยนร้ายให้กลายเป็นดี และเปลี่ยนภัยคุกคามให้เป็นสะพานสานมิตรภาพได้ 

ใช่หรือไม่ว่าการกำจัดศัตรูที่ดีที่สุดก็คือการเปลี่ยนเขามาเป็นมิตรนั่นเอง นี้คือชัยชนะที่ให้ผลยั่งยืนกว่าชัยชนะด้วยกำลังที่เหนือกว่า 

พลังของน้ำใจไมตรีและความดีนั้นอยู่ที่การดึงเอาคุณธรรมและความเป็นมนุษย์ของอีกฝ่ายหนึ่งออกมาแม้จะซ่อนเร้นหรืออยู่ลึกเพียงใดก็ตาม 

ในทางตรงกันข้ามการใช้พละกำลังและความรุนแรงมีแต่จะดึงเอาความโกรธเกลียดและคุณสมบัติทางลบของคู่กรณีออกมาปะทะกัน ผลก็คือความขัดแย้งลุกลามจนกลายเป็นความรุนแรง หรือทำให้ความรุนแรงไต่ระดับจนยากแก่การระงับ 

เวรไม่อาจระงับด้วยการจองเวรก็เพราะเหตุนี้

พระไพศาล วิสาโล

Hatred does not cease by hatred, but only by love; this is the eternal rule.
Gautama Buddha, The Dhammapada: The Sayings of the Buddha

วันอาทิตย์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

โลกของ "ความเป็นเพื่อน"


ครั้งหนึ่ง ผมเห็นเด็ก ตอนนั้นน่าจะอายุราว 6-7 ขวบกำลังเล่นสวนน้ำบนหลังคาห้างสรรพสินค้าใหญ่ กำลังวิ่งเล่นน้ำในสระน้ำตื้นๆ

ตอนแรกเห็นแกเล่นอยู่คนเดียว พอสักพักมีเด็กวัยเดียวกันที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนเข้ามาเล่นด้วย จากหนึ่งคน เป็นสอง เป็นสาม...

ไม่ช้าเป็นกลุ่มใหญ่ ส่งเสียงพูดคุยหัวเราะให้กันสนุกสนาน พากันเล่นโน่น เล่นนี่ด้วยกัน !!!

ความเป็นเพื่อนของเด็กเกิดง่ายมาก แค่นำตัวเองเข้ามาร่วม กลุ่มก็เปิดรับ เรียบง่าย ไม่มีอื่นใด...

นึกถึงสมัยเรียนมัธยม วัยที่โลกนี้มีแต่เพื่อนเท่านั้นที่สำคัญที่สุด...

ไม่เรียบง่ายเหมือนสมัยเด็กเล็กๆ แต่ไม่มีอะไรซับซ้อน ขอเพียงมีเวลาให้กัน แค่นั้นทุกอย่างจบ อาจจะทะเลาะกันบ้าง แต่เมื่อหายโกรธก็กลับมา กอดคอเที่ยวเล่นกันได้เหมือนเดิม รักกันเหมือนโลกนี้ไม่มีอะไรยิ่งใหญ่มากกว่าความเป็นเพื่อนอีกแล้ว !!!

ยิ่งโตขึ้นความรู้สึกแบบนี้ยิ่งค่อยๆเลือนหายไป เริ่มที่จะเลือกคนที่จะมาเป็นเพื่อนมากขึ้น ตัดขาดเพื่อนเก่าบางคน มองหาใครที่จะมาเป็นเพื่อนใหม่ มีกรอบที่จะคัดสรรคนมาเป็นเพื่อนมากขึ้น อย่างน้อยมีสไตล์ชีวิตคล้ายๆกัน มีเรื่องราวที่สนอกสนใจเหมือนๆกัน หรือไม่บางคนถึงขั้นต้องมีผลประโยชน์ร่วมกันเท่านั้น !!!

โลกของเพื่อนแคบลงเรื่อยๆ มองคนที่มีสไตล์ชีวิตแตกต่าง หรือไม่มีประโยชน์ร่วม ไร้สาระ เสียเวลาที่จะคบหา...
โกรธใครสักคนก็หัวปักหัวปำ ชาตินี้ยากจะคืนดีกันได้ หรือหากเป็นเรื่องผลประโยชน์ขัดกันอาจถึงขั้นต้องล้างผลาญแตกหัก ดับดิ้นกันไปข้าง !!!

ความเป็นเพื่อนที่เรียบง่ายค่อยๆจางหายไป...

แต่เมื่อวันที่ชีวิตเริ่มเข้าสู่วัยชรา เหมือนความเรียบง่ายนั้นจะกลับมาเอง...

เราจะพบเห็นเสมอว่าคนแก่ที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แค่นั่งกินกาแฟร้านเดียวกัน มีเรื่องคุยกันได้ครึ่งค่อนวัน เล่าถึงวันเก่าๆ เรื่องราวของลูกหลานแลกเปลี่ยนกัน...

ในสวนสาธารณะที่ไปเดินออกกำลังกาย ผู้สูงอายุต่างพูดคุยกัน ช่วยเหลือเอื้ออาทรกันโดยไม่ถือชั้นวรรณะ เอ็งจนข้ารวย ข้าเคยมีตำแหน่งใหญ่โต ส่วนเอ็งแค่คนหาเช้ากินค่ำ ไม่เอาอะไรแบบนั้นมาปิดกั้นความสัมพันธุ์อีกแล้ว !!!
เมื่อไม่มีกรอบของชีวิตเสียแล้ว ความเป็นเพื่อนก็เกิดขึ้นง่าย...

อาจจะเป็นความไม่มีกรอบที่เกิดขึ้นจากความไร้เดียงสาของเด็กๆ หรือกรอบถูกสลัดไปจากความเจนโลกเจนชีวิตของคนแก่...

มิตรภาพที่เรียบๆ ง่ายๆ ไม่มากเรื่องมากความ เกิดจากชีวิตที่ไม่มีกรอบขังตัวเองไว้ให้ห่างจากคนอื่น
ในหลักสูตรอบรมดังๆ ที่นิยมเข้าเรียนกันในปัจจุบัน จนมีการเปิดสอนกันมากมายเพื่อให้หน่วยงาน หรือบริษัทตัวเองเป็นสถาบันที่โด่งดัง ได้รับกาายอมรับนับถือ...

คอร์สแรกของการเข้าอบรวมด้วยกัน คือ "ละลายพฤติกรรม"

เอาคนที่หลากหลาย เป็นใหญ่เป็นโตจากต่างที่ต่างทาง มาเล่นเฮฮา บ้างครั้งบ้าๆ บอๆ ร่วมกัน เรียกว่า "ละลายพฤติกรรม"

คำที่มักใช้เสมอในคอร์สนี้คือ "ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร ใหญ่โตมาจากไหน เมื่อเดินเข้ามาในนี้ จงถอดหมวกวางไว้หน้าประตู เข้ามาแล้วทุกคนเท่าเทียม ไม่มีใครเล็ก ไม่มีใครใหญ่กว่าใคร !!!"

ว่าไปกิจกรรมทั้งหมดที่ทำในคอร์สนี้คือการทลายกรอบที่ทุกคนตีไว้ขังตัวเอง ให้เปิดใจออกมาต้อนรับคนอื่นเป็นเพื่อนง่ายขึ้น...

เล่นสนุกสนานเฮฮาร่วมกันได้ !!!    เหมือนเด็กๆ ถอดฟอร์มตัวเองทิ้ง

ใครถอดได้ก่อน ได้เร็ว จะกลายเป็นผู้นำกิจกรรมของกลุ่มไปโดยอัตโนมัติ ไม่ว่าใหญ่โต ต่ำต้อยมาจากไหน หากยังถอดฟอร์มของตัวเองทิ้งไม่ได้ จะกลายเป็นคนที่เงอะงะตามเพื่อนไม่ทันเหมือนๆ กัน

ด้วยคอร์สละลายพฤติกรรมทำให้เปิดใจต้อนรับคนอื่นได้ง่ายๆเหมือนที่เคยมี ตอนเป็นเด็กเล็กๆ

ถ้าหลักสูตรไหน หรือผู้เรียนรุ่นใหญ่สามารถแกะกรอบของเพื่อนร่วมรุ่นได้มาก ถอดฟอร์มทิ้งเมื่ออยู่กับเพื่อนได้เสมอ...
หลักสูตรนั้น หรือรุ่นนั้นถือว่าประสบความสำเร็จ !!!

ว่าไปแล้วความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ของหลักสูตรแบบนี้ ที่สุดแล้วแทบไม่ได้อยู่ที่วิชาความรู้ที่เอามาอบรม แต่อยู่ทำให้คนในหลักสูตร เพื่อนร่วมรุ่น คบหาสมาคม ช่วยเหลือกันและกัน โดยไม่ถือยศถาบรรดาศักดิ์ ฐานะได้นานแค่ไหนมากกว่า...
ความสนุกสนานเฮฮากับเพื่อนร่วมรุ่นได้ เป็นสิ่งที่มีค่า เพราะเราได้ชีวิตในวัยเด็กที่เรียบง่ายกลับคืนมา...

ในรุ่นเพื่อนสมัยมัธยมบางกลุ่มก็เป็นอย่างนั้น แยกย้ายกันไปสร้างเนื้อสร้างตัว สร้างชื่อเสียง บางคนสำเร็จ หลายคนล้มเหลว บางคนชีวิตเหมือนวันเก่าๆ !!!

ในงานเลี้ยงรุ่นชั้นมัธยม หากกลุ่มไหน เอาแต่ยกย่องชมเชยเพื่อนที่ได้เป็นใหญ่เป็นโต ร่ำรวย มีหน้ามีตา ละเลยเพื่อนที่ยังเดินไปไม่ถึงฝัน จะเป็นงานเลี้ยงรุ่นที่เพื่อนมาร่วมน้อยลงไปเรื่อยๆ ...

แต่หากกลุ่มไหน ให้เกียรติเพื่อนเสมอกัน เพื่อนผู้ประสบความสำเร็จมีวุฒิภาวะพอ ที่จะรู้ว่าต้องถอดหมวกแห่งความยิ่งใหญ่ ทิ้งไปก่อนเข้างาน มาในฐานะ "เพื่อน" ที่เสมอๆ กัน !!!

งานเลี้ยงเพื่อนรุ่นนั้นยิ่งนานยิ่งมีเสน่ห์ เพื่อนที่จะเข้าร่วมยิ่งมากขึ้น

ทำตัวเหมือนเด็กที่ชวนกันวิ่งเล่นในสวนสาธารณะ หรือเหมือนผู้เฒ่าผู้แก่ที่ชวนกันคุยเรื่องราวเก่าๆในร้านกาแฟได้มากเท่าไร !!!

ถอดกรอบที่ตัวเองตีไว้ เปิดใจรับเพื่อน โดยไม่นึกถึงประโยชน์ตัวเองได้มากเท่าไร !!!  ชีวิตในเวลาที่อยู่กับเพื่อนจะสนุกสนานเฮฮาได้มากเท่านั้น

ต่างกันที่ "ทำได้หรือไม่ แค่ไหน"

วันพฤหัสบดีที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2554

A-Z Friends เพื่อน จาก A ถึง Z


Always be homest , would you want them to lie to you?
จงซื่อสัตย์เสมอ...... คุณต้องการให้เพื่อนโกหกคุณเหรอ

Be there when they need you, or you may wind up alone
จงอยู่เคียงข้างเมื่อเขาต้องการ.....หรือคุณต้องการจะอยู่คนเดียว

Cheer them on, wi all need encouragement now and then
ให้กำลังใจ......เราทุกคนต่างก็ต้องการการสนับสนุนเป็นบางครั้ง

Don't look for their faults, even if you have none
อย่ามองหาข้อผิดพลาดของเขา.....แม้ว่าคุณจะไม่มีข้อผิดพลาดแม้แต่ข้อเดียว

Encourage their dreams, what would we be without them?
สนับสนุนให้เขาทำตามความฝัน.......เราจะอยู่อย่างปราศจากความฝันได้อย่างไร

Forgive them, you just may do somethin wrong sometime
ให้อภัย ....คุณอาจจะเคยทำผิดพลาดในบางเวลา

Get together often, misery loves company, so does glee
เจอกันบ่อยๆ...... เมื่อมีความทุกข์ ต้องมีเพื่อนเพราะการคบค้าสมาคมทำให้เกิดความสนุกสนาน

Have faith in them, the human animal is remarkable
มีศรัทธาในเพื่อน.....การมีศรัทธาเป็นสิ่งที่แบ่งแยกมนุษย์ออกจากสิ่งมีชีวิตอื่น

Include them, you mayneed to be included sometime
รวมเขาเข้าไปด้วย......คุณก็อาจจะต้องการถูกรวมบ้างบางครั้ง

Just be there when they need you
อยู่ข้างๆ.......เมื่อเขาต้องการคุณ

Know when they need a hug, and couldn't you use one?
รู้ว่าเมื่อไหร่ที่เขาต้องการให้กอด...เคยกอดเพื่อนบ้างหรือยัง

Love them unconditionally, that is the only condition
รักโดยไร้ข้อแม้........นี่เป็นเพียงเงื่อนไขข้อเดียวเท่านั้น

Make them feel spicial, because aren't we all special?
ทำให้เขารู้สึกเป็นคนพิเศษ.. เพราะเราทุกคนก็เป็นคนพิเศษไม่ใช่เหรอ

Never forget them, who wants to feel forgotten
อย่าลืมเพื่อน........ ใครบ้างอยากถูกลืม

Offer to help, and know when " Nothanks" is just politeness
เสนอตัวที่จะช่วยเหลือ......และควรรู้ว่าเมื่อไหร่ที่คำว่า "ไม่เป็นไร ขอบคุณ "เป็นคำพูดแค่เพื่อมารยาท

Praise them honesly and openly
ยกย่องเพื่อนอย่างจริงใจ และเปิดเผย

Quietly desagree, noisy No's make enemies
อย่าโต้แย้งอย่างโจ่งแจ้ง........การทำเช่นนั้นก่อให้เกิดศัตรู

Really listen, a friendly ear is a soothing balm
ตั้งใจรับฟัง.......การรับฟังของเพื่อนคือยารักษาอาการ

Say you're sorry, don't let them assume it
กล่าวคำขอโทษ.......อย่าปล่อยให้เพื่อนต้องสันนิษฐานเอาเอง

Talk frequently, connunication is important
พูดคุยกันบ่อยๆ ........การสื่อสารเป็นสิ่งสำคัญ

Use good judgement
ใช้ข้อตัดสินที่ดี

Verbalsise your feelings
อธิบายความรู้สึกของคุณเป็นคำพูด

Wish them luck, hopeftlly good
อวยพรให้โชคดี ..........หวังว่าเขาจะพบแต่เรื่องดี

Xamine your motives before you "help" out
ตรวจสอบเจตนาของคุณ ก่อนที่จะขอความช่วยเหลือ

Your words count, use them wisely
คำพูดของคุณมีค่า ......จงใช้อย่างชาญฉลาด

Zip your lips when they told a secret
ปิดปากให้สนิทเมื่อเพื่อนบอกความลับ

วันจันทร์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2554

I กับ U อะไรสำคัญกว่ากัน


วันนี้เพื่อนน้ำใจส่ง forward mail มาให้  อ่านแล้วยิ้ม กับไอเดียดีๆ ของการเล่นคำในภาษาอังกฤษ เลยอยากเอามาแชร์ให้ผู้อ่านบล็อกของน้ำใจได้อ่านกันค่ะ  ชอบแล้วบอกต่อนะคะ

How can U "SM_LE" without "I"
How can U be "F_NE" without "I"
How can U "W_SH" without "I"
How can U be "FR_END" without "I"
"I" am very important..!
But "I" can never achieve S_CCESS without "U"..!
And that makes "U" more important than "I 

วันจันทร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2554

ขอโทษนะที่มาสาย


วันนี้นัดเพื่อนไปดูคอนเสิร์ต แต่ก็เกิดความผิดพลาด ทำให้ไปสายมากกกกก ไม่อยากจะโทษว่าฝนตก รถติด สะพานปิดซ่อม แถมหลงทางอีกต่างหาก  แม้ทั้งหมดที่กล่าวไปนั้น มันคือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในวันนี้ แต่คงไม่มีประโยชน์อะไรที่จะพูดไป เพราะมันก็เป็นเพียงแค่ "คำแก้ตัว" ของคนที่ไม่ใส่ใจนัดของเพื่อน ก็เท่านั้น

อยากให้เพื่อนรู้ว่ารู้สึกผิด ไม่อยากให้เพื่อนคิดว่าเราไม่แคร์ อยากทำอะไรที่ดีๆ เพื่อแก้ แต่ก็ไม่รู้จะทำแบบไหนดี

เรื่องราวที่เล่าในวันนี้ เพียงอยากให้เป็นอุทาหรณ์กับคนที่มีเพื่อนดีๆ อยู่ มิตรภาพไม่ได้เกิดชั่วข้ามคืน หากแต่เป็นการสะสมผ่านวันและคืน และประสบการณ์ต่างๆ ร่วมกันมา บางครั้งเรามัวแต่ทำงาน ไม่สนใจคนรอบข้าง ไม่แคร์คนใกล้ตัว จนคำว่า "เพื่อนสนิท" คือมิตรที่ไม่ต้องแคร์ เพราะคิดไปเองว่า "เพื่อนสนิทกัน โกรธกันเดี๋ยวก็หาย ไม่เป็นไรหรอกน่า" ... ก็อาจจะใช่นะ อาจเป็นเช่นนั้น ... แต่ ... ทำไมเราต้องทำให้เพื่อนโกรธด้วยล่ะ? เพื่อนสนิท คือคนที่เราต้องแคร์มากกว่าเพื่อนทั่วไปต่างหาก


หากคำขอโทษยังไม่เพียงพอ ก็ลองมอบเพลงนี้ให้เพื่อนฟัง เพลง "เพื่อนที่ดีที่สุด" แทนความในใจ แทนความรู้สึกดีๆ ที่มีต่อเพื่อน


หรือจะให้ซึ้ง ก็เอาเวอร์ชั่นญี่ปุ่นนี้ให้เขาฟัง แม้เราจะไม่รู้ภาษาญี่ปุ่น แต่ถ้าได้ฟังเพลงนี้ ฟังท่วงทำนองของเพลง ก็น่าจะเดาเนื้อร้องได้ไม่ยาก (แม้จะอยากให้มีคนรู้ภาษาญี่ปุ่นแปลให้ฟัง สักนิดก็ยังดี :P )


สุดท้าย ขอจบลงด้วยบทเพลงซึ้งๆ ที่ฟังแล้วเชื่อว่า เราจะนึกถึงมิตรภาพในอดีตที่มีมา และเพื่อที่เราจะได้รักษามิตรภาพดีๆ นั้น ให้คงอยู่ตลอดไป


ขอมอบมิตรภาพและความรักผ่านบทเพลงเหล่านี้ ขอมอบแด่เพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน และทุกคนที่มีเพื่อนที่ดีที่สุดเช่นกัน

น้ำใจ ใจดี

วันพุธที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2554

พ่อ แม่ เพื่อน แฟน คุณคิดว่าใครสำคัญที่สุด

แปลกไหม ที่วันเกิดคุณ พ่อแม่คุณดีใจที่สุด
แต่คุณไปทานข้าวกับคนอื่น
แปลกไหมที่คุณเลี้ยงข้าวเพื่อน ตอนรับปริญญา
แต่คุณไม่ได้เลี้ยงข้าวคนที่ส่งคุณเรียน จบปริญญา
แปลกไหมที่คุณรักเพื่อน ที่เคยเลี้ยงข้าวคุณเพียง ไม่กี่ มื้อ
แต่คุณกลับไม่เคยส่ง เงินให้กับ คนที่เลี้ยงข้าวคุณมา 23 ปี
แปลกไหมที่คุณรักใครบางคน ที่ไม่กล้าแม้จะจับกางเกงในของคุณ
แต่คุณกลับเบื่อเสียงเตือนของคนที่ล้างก้นให้คุณได้ มากกว่า 3 ปี
แปลกไหมที่เพื่อนโทรมาชวนคุณเวลาไหนคุณก็ออกไป
แต่พ่อแม่จะมาหา คุณกลับบอกว่าไม่ว่าง
แปลกไหมที่คุณทำอะไรได้ทุกๆ อย่างเพื่อใครบางคน
แต่ คุณไม่เคยทำสิ่งที่ พ่อแม่คุณแอบดีใจ
แปลกไหมที่คุณต้องพูดจาเพราะๆ เพื่อให้เค้ายอมรับ
แต่ไม่เคยพูดครับพูดขากับพ่อแม่คุณเอง
เวลาไม่มีเงินคนแรกที่คิดถึงคือ พ่อและแม่
แต่พอมีเงิน... คนแรกที่คิดถึงคือ แฟนและเพื่อน
อยากได้รถ... คนแรกที่คิดถึงคือ พ่อและแม่
แต่พอมีรถ ... คนแรกที่จะไปรับคือ แฟนและเพื่อน
เวลาคุณมีความทุกข์ คนที่กังวล หดหู่และเศร้าสลดใจ คือ พ่อและแม่
แต่เวลาคุณมีความสุข . มักจะมองหา แฟนและเพื่อน
แปลกเน๊อะ.ที่คุณยังรอที่จะทำบุญกับท่าน ในวันที่... ท่านไม่อยู่แล้ว

ใกล้ถึงวันแม่แล้วอย่าให้ระบบทุนนิยมสามานย์มันบดบังตาความรักที่คนสองมีให้เรา อ่านแล้วอาจทำให้ตาสว่าง ในสิ่งที่เรามองไม่เห็น ลุยเดี่ยวคาดหวังอย่างนั้น นะ ถ้าบทความนี้ทำให้คนที่อ่านนี้ได้คิดขอให้บุญกุศลนี้แผ่ไปถึงเจ้ากรรมนายเวรที่มีต่อลุยเดี่ยวได้รับด้วยเทอญ

ที่มา Forward mail จาก "ลุยเดี่ยว"