หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ยิ่งพยายาม ยิ่งโชคดี

ผมไม่กล้าพัก เพราะผมไม่มีเงินฝาก
ผมไม่กล้าพูดว่าเหนื่อย เพราะผมยังไม่ประสบความสำเร็จ

ผมไม่กล้าขี้เกียจ เพราะคนที่เก่งกว่าผมเขายังพยายามเลย
ผมสามารถที่จะไม่เลือกได้ แต่ผมจะไม่มีทางทิ้งอย่าเด็ดขาด

ต่อให้ผมรังเกียจความไม่สุขสบายในตอนนี้อย่างไร เวลาก็ไม่ได้เดินช้าลงเลยแม้แต่น้อย เพราะฉะนั้น อย่าแสดงอารมณ์ตามอำเภอใจ ไม่มีใครเป็นหนี้คุณ!

ฝึกสงบเสงี่ยมบ้าง ชีวิตคนเรามีทั้งน้ำขึ้นน้ำลง อย่าไปเปรียบเทียบ

ต้องเรียนรู้ที่จะจริงจัง ยิ่งพยายามจะยิ่งโชคดี

ในโลกใบนี้ไม่มีการทำงานประเภทใดที่ไม่ลำบาก ไม่มีที่ใดที่ปราศจากความวุ่นวายของบุคคล ดังนั้น ความเข้มแข็งคือหนทางเดียวที่ผมเลือก

ผมไม่อิจฉารายได้ของคนอื่น เพราะผมรู้ว่าเขาฝึกฝนและลำบากทุกวันทุกคืนกว่าที่จะได้มา และไม่อิจฉาคนที่บอกไปก็ไปได้ตามอำเภอใจ ผมรู้ว่าเขาทำสิ่งนี้เพื่อความเป็นอิสระของตัวเอง และยิ่งไม่อิจฉาคนที่ไม่ต้องทำงานแต่ก็มีคนเลี้ยงดู คุณไม่รู้หรอก ว่าเธอเหล่านั้นต้องร้องไห้และรอคอยสักเท่าไหร่!
ทุกสิ่งล้วนมีคุณค่า ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สินเงินทอง กิจการงาน หรือแม้แต่ตัวเราเอง
ดังนั้นอย่าไปอิจฉาใครเขาเลย การดำเนินชีวิตไม่มีอะไรมาก อยู่ที่ว่าคุณอุทิศแล้วเท่าไหร่ คุณก็จะได้กลับมาเท่านั้น!

คนที่กำลังเดินบนทางชีวิตอย่างพวกเรา อย่าเปรียบเทียบ อย่าปรักปรำ อย่าคิดเล็กคิดน้อย ต้องโอบอุ้มให้มาก ต้องเข้าใจให้มาก อุทิศให้มาก เพราะมีพลังชนิดหนึ่งที่เรียกว่า “พึ่งตัวเอง”
ยามที่คุณกำลังยิ้มให้โลกใบนี้ สุดท้ายคุณก็จะรู้ว่า โลกใบนี้ยังมีความรักความอาทรอยู่มากมาย

#หลิวเต๋อหัว

วันพฤหัสบดีที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2559

ข้อคิดจากกาน้ำชา

เรื่องสั้นที่มีคติ

ที่บ้านมีกาน้ำชาสูงค่า เพราะเป็นกาที่ปั้นมาจากดินชนิดพิเศษสุดของประเทศจีน เลยวางไว้หัวเตียงอย่างทะนุถนอม

มีอยู่คืนหนึ่ง ด้วยความไม่ระวัง มือไปปัดโดนฝากาน้ำชากระเด็นตกสู่พื้น ทั้งโกรธทั้งเจ็บใจ เมื่อทำฝาแตกแล้ว จะเก็บกาไว้ให้ดูเจ็บใจเล่นทำไม คิดได้ดังนั้นเลยหยิบกาน้ำชาขว้างออกไปนอกหน้าต่าง

รุ่งเช้าตื่นมาลุกลงจากเตียง เห็นฝากาน้ำชาหล่นอยู่บนรองเท้านุ่นที่ข้างเตียง ไม่มีอะไรแตกเสียหาย กาน้ำชาก็ขว้างทิ้งไปแล้ว ยิ่งเจ็บใจ เลยกระทืบฝาจนแตกละเอียด พอตอนสายเดินออกไปนอกบ้าน ปรากฏว่ากาน้ำชาที่ขว้างออกไปเมื่อคืนนี้ คงคาอยู่บนต้นไม้ไม่มีอะไรบุบสลาย

บางครั้ง เรื่องบางเรื่อง
รอสักนิด ดูสักหน่อย ตรองสักพัก
เพราะเรื่องบางเรื่องอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่เราเห็นเราเข้าใจ
ความวู่วามเปรียบเหมือนปีศาจร้าย ฝึกให้ใจเย็นไว้หน่อย นั่นคือวิถีของคนฉลาด

หลายอย่าง บ่อยครั้งที่ ฟังกับหู ดูกับตา ทำกับมือ.   ก็ยังไม่ใช่อย่างที่คิดเลยครับ

วันพฤหัสบดีที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

มะม่วงแลกไข่

พ่อครับ ข้างบ้านเขาขโมยสอยมะม่วงเราครับ""
เด็กชายตัวน้อยวิ่งตื๋อมาหาพ่อ

พ่อหัวเราะแล้วถาม
""เราเหลืออีกหลายลูกไหม? ลูก""
""ผมเห็นอีกหลายลูกเลยครับ""
""งั้นไปสอยมะม่วงสุกมาให้พ่อสักเจ็ดลูกสิ""

เด็กชายเข้าใจว่าพ่อคงใช้ให้สอยมะม่วงเพราะกลัวเพื่อนบ้าน
จะขโมยอีก จึงรีบสอยมะม่วงมาให้พ่อ

เมื่อได้มะม่วงก็หอบมาให้พ่อ หวังว่าจะได้ทานกันอย่างเอร็ดอร่อย
แต่ปรากฎว่า ผู้เป็นพ่อนำมะม่วงทั้งหมดมาจัดใส่ตะกร้าอย่างสวยงาม
แล้วจูงมือลูกชายไปกดกริ่งหน้าประตูของเพื่อนบ้านที่ลูกชายบอกว่า
สอยมะม่วงไป

เด็กชายงง ไม่เข้าใจว่าพ่อจะทำอะไร เมื่อเพื่อนบ้านเปิดประตูรั้วออกมา
เป็นชายวัยกลางคน หน้าตามีพิรุธเหมือนทำผิดอะไรบางอย่าง
ผู้เป็นพ่อจึงยื่นมะม่วงทั้งตะกร้าให้ แล้วกล่าวว่า

""ผมเอามะม่วงมาฝากครับ เป็นเพื่อนบ้านอยู่บ้านข้างๆนี่เอง
มีอะไรก็บอกกันนะครับ จะได้ช่วยเหลือกัน""

ชายคนนั้นมีสีหน้าเสียใจอย่างเห็นได้ชัด เขาบอกให้พ่อรอสักครู่
พร้อมทั้งกลับมาด้วยตะกร้าใบเดิม แต่คราวนี้มีไข่ไก่เต็มตะกร้า

""ผมเลี้ยงไข่ไก่ไว้หลายตัว ขอให้ไข่เป็นของตอบแทนน้ำใจนะครับ""

พ่อกล่าวขอบคุณ แล้วจูงมือเด็กชายกลับบ้าน เด็กชายถามพ่อด้วยความสงสัย

""ทำไมพ่อถึงเอามะม่วงไปให้เขา แทนที่จะไปทวงมะม่วงของเราคืนมา""

""ถ้าพ่อไปทวงมะม่วง เราอาจจะได้มะม่วงคืน แต่เราจะเสียเพื่อนบ้าน
และอาจถึงกับโกรธกัน แต่นี่พ่อเอามะม่วงไปให้เขาเจ็ดลูก รวมที่เขาสอยไปหนึ่งลูกเป็นแปดลูก แต่เราได้ทั้งน้ำใจเขา ซึ่งก็คือไข่ตะกร้าใหญ่ แถมยังได้เพื่อนบ้านเพิ่ม ลูกว่าแบบไหนดีกว่ากันล่ะ""

อารมณ์คือปัญหา
สติ ปัญญาคือทางออก
การใช้อารมณ์มักเป็นตัวเริ่มต้นปัญหาต่างๆของมนุษย์ การใช้สติปัญญา ก่อนที่จะเกิดอารมณ์ไม่ดีต่อกันย่อมจะเป็นหนทางที่ดี ทั้งในการป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาและการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างถูกต้อง

ชีวิตมีค่ากว่าอารมณ์
น่าเสียดายที่หลายคนต้องสูญเสียอนาคต เพราะไม่สามารถควบคุมอารณ์ได้

ปัญหาทุกอย่างมีทางออกเสมอ
หากเรามองปัญหาต่างๆด้วยสติปัญญาอย่างรอบคอบ ถ่องแท้ ให้เข้าใจที่มาของปัญหาที่เหตุของมันแล้ว เราย่อมจะได้แนวทางแสงสว่างนำทางที่จะแก้ปัญหาได้เสมอ.

ช่วยอ่านหน่อยนะครับ เสียเวลา 2-3 นาทีแต่ได้อะไรๆมากเลยครับ

วันศุกร์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

พ่อแม่ไม่เคยให้อะไร เรามาเลย จริงหรือ?

ขอส่งสาระดี ๆ มาเล่าสู่กันอ่านนะ......        อ่านเรื่องดีๆมีแง่คิดขำขำกัน.
^                     ^"
พ่อแม่ไม่เคยให้อะไร
เรามาเลย จริงหรือ?

คนจรจัด : บ่น บ่น บ่น
พ่อแม่ไม่เคยให้อะไรฉันเลย
ชีวิตไม่มีอะไรเลย บ้านก็ไม่มีอยู่
ข้าวก็ไม่มีกิน งานก็ไม่มีทำ
ทำไมช่างโชคร้ายอย่างนี้

เศรษฐี :  เอาอย่างนี้ไหมอะ
ขายแขนให้ฉัน ฉันให้ข้างละ 20 ล้าน

คนจรจัด : บ้าเปล่าคุณ..
มีเงินแต่ไม่มีแขนจะทำอะไรได้

เศรษฐี : ขาก็ได้ ฉันให้เหมือนกัน 20 ล้าน

คนจรจัด : ยิ่งบ้าไปใหญ่ มีเงินแต่ไม่มีขา
แล้วจะเดินไปไหนมาไหนอย่างไง

เศรษฐี : ดวงตาก็ได้ ฉันก็ให้คู่
ละ 20 ล้านเหมือนกัน

คนจรจัด : โอ๊ย.อะไรๆ ก็ไม่ขายหรอก
อวัยวะมันขาดหายไปจะอยู่กันอย่างไร

เศรษฐี : ไอ้ห่านี่ อะไรๆ ก็ไม่ขาย
แล้วมึงมาบอกว่าพ่อแม่มึงไม่เคยให้
อะไรเลย ถ้ามึงขายทุกอย่างในร่างกายมึง
รวยเป็นร้อยล้านเลยนะ..
ใครๆ เขาเกิดมาก็ได้อวัยวะมาเท่ามึง
มีบ้างคนน้อยกว่ามึงอีก
มึงนั้นและไม่รู้จักเอาของที่มี
มาใช้ประโยชน์ มีมือไม่รู้จักทำงาน
มีขาไม่รู้จักก้าวเดิน มีสมองไม่รู้จักคิด
ชีวิตมึงไม่มีอะไรก็เพราะตัวมึงเอง
อย่าไปโทษพ่อแม่มึงเลย
โทษก็ต้องโทษตัวมึงนั่นแหล่ะ ไอ้*** "
^_____^

วันศุกร์ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

นิทานสอนใจ "เรื่องคนที่ไม่ถูกนินทา"


วันหนึ่ง มี ตา กับหลานชาย ต้องเดินทางไกล ไปหาญาติที่อยู่ต่างเมือง โดยมีม้าเป็นพาหนะไว้เดินทาง ทั้งหมดจะต้องผ่านเมืองต่างๆ แต่ระหว่างทาง ด้วยความกตัญญูของหลานชาย เห็นตาผู้ชรา จึงขอให้ตา นั่งบนหลังม้า เพราะความเป็นห่วงเป็นใย

แต่เมื่อเข้ามาในเมืองหนึ่ง ชาวบ้านต่าง ซุบซิบนินทาว่า “ต๊าย ดูสิ เป็นผู้ใหญ่ซะปล่าว ทำเป็นสำออย ใช้แรงงานเด็ก ตัวเองสะบายเลยนะ” เมื่อ ตา ได้ยินเช่นนั้น จึงไม่อยากให้เป็นที่นินทาของใคร จึงบอกให้หลานชาย ขึ้นมาขี่ม้าแทน 

จนมาถึงอีกเมืองหนึ่ง ชาวบ้านเมืองนี้ก็ นินทา ว่าร้ายหลานชายว่า “ดู ดู๊ ดู ดู มันทำ ทำไม ถึงทำกับตาแก่ๆได้” เมื่อหลานได้ยินเช่นนั้น จึงให้ตาขึ้นมาขี่ม้าด้วยอีกคน พร้อมพูดว่า “ดูซิ ว่าจะมีใครนินทาพวกเราอะไรอีกไหม”

ต่อมา เมื่อมาถึงอีกเมืองหนึ่ง ก็ไม่พ้นการโดนนินทาของชาวบ้าน “โถ ๆ ๆ เจ้าม้าช่างน่าสงสาร ทำไมเจ้านายของแกถึงใจร้าย ใจดำ ใช้งานหนักเกินไปจริงๆ” ทั้งคู่ จึงตัดปัญหา ลงจากหลังม้า และย่างเท้าเดินไปแทน 

แต่แล้ว ก็ต้องมาผ่านเมือง อีกเมืองหนึ่ง คราวนี้ ชาวบ้านไม่ได้นินทาอย่างเดียว กลับหัวเราะเยาะใส่ด้วย “ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ดู ตา กับ หลาน คู่นั้นสิ โง่จริงๆ มีม้าแต่กลับไม่ขี่ เดินจูงอยู่นั่นแหละ”

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ในโลกนี้ไม่มีใครไม่ถูกนินทา เพราะต่อให้เราทำสิ่งที่ดีแค่ไหน คนที่ไม่ชอบเรา เค้าก็จะนินทาเราอยู่ดี 

ดังนั้น เมื่อเราได้กระทำความดีแล้ว จงตั้งใจทำต่อไป อย่าเอาคำ "ไม่ดี" ของคน "ไม่ดี" มาใส่ใจ เพราะจะทำให้ใจเรารู้สึก " ไม่ดี "

วันจันทร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2559

ลมหายใจ สมบัติเดียวของชีวิต

ชายผู้หนึ่งได้เสียชีวิตลง ในตอนที่เขารู้สึกตัวว่าได้ตายไปแล้ว เขาก็เห็นเทพองค์หนึ่งเดินถือกระเป๋าเข้ามาหาเขา แล้วพระองค์ก็เอ่ยขึ้นว่า
เทพ : เรียบร้อยแล้วหนุ่มน้อย ถึงเวลาไปแล้ว!
ชายหนุ่ม : ทำไมเร็วนักละครับ? ผมยังมีเรื่องราวที่ต้องทำอีกมากมาย....
เทพ : ขอโทษด้วย เวลาของเธอหมดแล้ว!
ชายหนุ่ม : ในกระเป๋าของท่านคืออะไรครับ?
เทพ : นี่คือของ ๆ เธอ!
ชายหนุ่ม : ของ ๆ ผม! คืออะไรครับ? เป็นทรัพย์สิน เสื้อผ้า หรือว่าเงินครับ?
เทพ : สิ่งที่เธอพูดมา มันไม่ใช่ของเธอตั้งแต่แรกแล้วหนุ่มเอ๋ย นั่นมันเป็นสมบัติของในโลก!
ชายหนุ่ม : ถ้าอย่างนั้นมันก็คงเป็นความทรงจำของผมสินะ!
เทพ : ความทรงจำเป็นสมบัติของกาลเวลา
ชายหนุ่ม : ถ้าอย่างนั้นคงเป็นความสามารถของผม!
เทพ : ความสามารถเป็นสมบัติของโลกอีกเช่นกัน
ชายหนุ่ม : หรือจะเป็นญาติมิตรของผม?
เทพ : ไม่ใช่ เขาเหล่านั้นเป็นเพียงผู้คนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเธอเท่านั้นเอง
ชายหนุ่ม : หรือเป็นลูกเมียของผม?
เทพ : ไม่ ลูกเมียเป็นเพียงแค่ความระลึกของเธอเท่านั้น
ชายหนุ่ม : ถ้าอย่างนั้นคงเป็นร่างของผมแน่ๆ
เทพ : ไม่ใช่ ร่างของเธอนั้นเป็นสมบัติของดิน
ชายหนุ่ม : ถ้าอย่างนั้น มันคงเป็นจิตญาณของผมสินะ
เทพ : น่าเวทนา เด็กหนุ่มเอ๋ย เธอเข้าใจผิดแล้ว จิตญาณของเธอนั้นเป็นของเบื้องบน
ชายหนุ่มรู้สึกตื่นตระหนกเป็นอย่างยิ่ง เขารับกระเป๋ามาด้วยมืออันสั่นเทา เมื่อเขาเปิดแระเป๋าออกมา ข้างในกระเป๋าใบนั้นกลับมีแต่ความว่างเปล่า...

เขาถามเทพด้วยความหมดอาลัยตายอยาก
ชายหนุ่ม : ทุกสิ่งที่ผมเคยมี มันไม่เคยเป็นของผมเลยหรือ?
เทพ : ใช่แล้ว เธอเข้าใจถูกแล้ว ทุกสิ่งในโลกที่เธอหามา ไม่มีสิ่งใดที่เป็นของเธอเลย
ชายหนุ่ม : แล้วอะไรที่เป็นของผม?
เทพ : ลมหายใจเป็นของเธอ! นั่นคือสิ่งเดียวที่เป็นของเธอในตอนที่เธอยังมีชีวิตอยู่!
------------------------------
ชีวิตคนเรา มีแค่ชั่วพริบตา รักษาทุกขณะเวลาที่คุณยังมีลมหายใจอยู่ จงรักชีวิตและถนอมชีวิต...จงอย่าโลภเพราะสุดท้ายก็ไม่ได้อะไรกลับไป ทำเท่าที่อยู่อย่างไม่ขัดสน จะได้ไม่เหนื่อยไม่เครียดตลอดเวลา มีความสุขกับชีวิต

󾬩 นุสนธิ์บุคส์

วันอังคารที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

ปราบปีศาจง่ายๆ สไตล์พระราชา

นิทานสอนใจ จากผู้กำกับเดชา สงขลา

ณ พระราชวังแห่งหนึ่ง มีปีศาจตนหนึ่งบุกเข้ามาในวัง ทหารเห็นดังนั้นก็ตะโกนขับไล่

ทันทีที่ปีศาจโดนด่า ตัวใหญ่มันก็ใหญ่ขึ้น และมันก็ตรงไปนั่งบนบัลลังก์ของพระราชา

ทหารก็เอาอาวุธไล่ฟันและแทง และด่าด้วยคำหยาบคาย!!

ทุกครั้งที่ปีศาจ โดนด่าหรือโดนทำร้าย ตัวมันจะใหญ่ขึ้นๆๆ  ร่างกายเริ่มน่าเกลียด และส่งกลิ่นเหม็นเน่า โชยหนักขึ้นเรื่อยๆๆ แต่ทหารก็ไม่สามารถขับไล่มันได้

จนเมื่อ พระราชากลับมาก็พบว่า ปีศาจ ได้ใหญ่โตจนคับท้องพระโรง และหน้าตาก็น่าเกลียดสุดๆ ส่งกลิ่นเหม็นเน่าไปทั่ว ทันทีที่พระราชาเห็นดังนั้น ก็พูดขึ้นว่า

"โอ ท่านมาเยี่ยมข้าพเจ้าเหรอ ทำไมไม่บอกล่วงหน้า?  ทหารหาน้ำ อาหารมาเลี้ยงท่านเร็ว" 

ทุกคำพูดดีๆ ที่พระราชาพูด ทำให้ขนาดของปีศาจเล็กลง !!

ทหารเห็นท่าทีของพระราชา จึงเริ่มเข้าใจต่างพากันวางอาวุธและหันมาพูดเพราะๆ กับเจ้าปีศาจ

ถามว่า "ท่านต้องการกินอะไร ไก่ย่าง ส้มตำ ข้าวเหนียวไม๊ ?"

ว่าแล้วอาหารมากมายก็ถูกลำเลียงมาให้ปีศาจกิน แล้วเจ้าปีศาจก็ตัวเล็กลงๆๆ อีก

"ท่าน เมื่อยไม๊?" ว่าแล้วทหารก็พากันมานวดให้ ปีศาจ ปีศาจก็เล็กลงๆ จนตัวเท่ากับคนธรรมดา

เมื่อพระราชาได้พูด คำหวานและเอาใจครั้งสุดท้าย เจ้าปีศาจก็หายวับไปกับตา!!

ในชีวิตเราหลายครั้งเราเจอปีศาจในที่ทำงาน ที่โรงเรียนหรือที่บ้าน แล้วเราได้จัดการกับปีศาจด้วยวิธีใด?

เราทำให้ปีศาจตัวใหญ่ขึ้นและน่าเกลียดมากขึ้น ด้วยคำพูดแย่ๆ และด้วยท่าทีที่ไม่ดีหรือไม่?

แต่ตอนนี้เรารู้แล้วว่าวิธีปราบปีศาจก็ด้วยคำพูดที่ดีๆ เต็มไปด้วยความเข้าใจและเห็นอกเห็นใจ การเอาอกเอาใจ

ในครอบครัว...เมื่อปีศาจกลับเข้าบ้าน (เพราะเขาอาจไปเจอเรื่องแย่ๆมาก็ได้ใครจะรู้) เรากลับทำให้ปีศาจตัวใหญ่และน่าเกลียดขึ้น

ด้วยคำพูดว่า "ไปไหนมา!!  ทำไมกลับมาป่านนี้ !!?" ฯลฯ

ต่อไปเราจะเปลี่ยนเป็นพูดว่า "เป็นไงบ้าง ? เหนื่อยไม๊ ? กินอะไรมาหรือยัง ?" แล้วเราก็จะพบว่าปีศาจก็จะเล็กลงๆๆ และก็จะหายวับไป

เหลือแต่ สามี ภรรยา พ่อ แม่  พี่  น้อง หรือเจ้านายที่น่ารักของเรา !!

เย้ๆๆ ปราบปีศาจได้แล้ว !!!!!!!