หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

เรื่องเล่า...ปฏิบัติธรรมแล้ว สุดท้ายเราจะได้อะไร


🌹ถ้าไม่อ่านข้อความนี้นับว่าพลาดอย่างแรง🌹เรื่องต่อไปนี้เป็นเรื่องเล่าต่อ..ที่ฟังดูแล้วมีความเป็นเหตุ..เป็นผลแห่งพุทธ..อย่างแท้จริง..เรื่องมีอยู่ว่า

..สมัยพุทธกาล
มีคนถามพระพุทธองค์ว่า ปฏิบัติธรรมแล้ว สุดท้ายเราจะได้อะไร

พระพุทธองค์ตอบว่า"ไม่ได้อะไรเลย"

เขาจึงถามต่อไปว่า... ถ้าเช่นนั้นท่านจะปฏิบัติไปเพื่ออะไร

พระพุทธองค์ทรงแย้มพระโอษฐ์ตรัสว่า ตถาคตสามารถบอกเธอถึงสิ่งที่หายไป นั้นก็คือ

ความโกรธได้หายไป
ความหม่นหมองวิตกกังวลหายไป
ความเศร้าท้อแท้หายไป
ความกังวลไม่สบายใจหายไป
ความเห็นแก่ตัว โลภะ โทสะ โมหะพิษร้ายทั้งสามก็หายไป
อวิชาคือความไม่รู้ที่ปิดกั้น ปุถุชนทั้งหลายก็ได้สูญสิ้นไป

พูดเหมือนง่าย... แต่เหตุผลนั้นมันลึกซึ้ง...
คนทั้งหลายที่มาสู่โลกนี้ มีเพียงสองเรื่องคือเกิดกับตาย

เรื่องแรกทำสำเร็จไปแล้ว ส่วนอีกเรื่องนั้นเราจะทุกข์ร้อนไปทำไม...

มีวาสนาก็มา ... ไม่มีวาสนาก็ไป... สิ่งใดที่สมควรแก่เหตุก็มาเอง... สิ่งใดที่ไม่สมควรแก่เหตุ จะแสวงหาก็ไม่พบ อ้อนวอนก็ไม่สำเร็จ...
มีวาสนาก็ไม่ปฏิเสธ ไร้วาสนาก็ไม่ต้องแสวงหา... สิ่งที่เข้ามาหาก็ต้อนรับ สิ่งที่จากไปก็ไม่ต้องอาลัย... ทุกสิ่งทุกอย่างแล้วแต่วาสนา ให้เป็นไปตามธรรมชาติที่ควรจะเป็น

ผู้มีปัญญาทั้งหลายไม่เอาชีวิตไปขึ้นอยู่กับปากและตาของผู้อื่น... ให้มองเห็นจิตและใจของตนเอง... มีสติ รู้จิต ไม่ฟุ้งซ่าน... ไม่ดิ้นรนแสวงหาในสิ่งที่หลอกลวงทั้งหลาย... ไม่ดิ้นรนแสวงหา ใจเป็นอิสระจากกิเลสทั้งปวง... จะร้อนจะหนาว จะลุกจะนั่ง จิตก็มีสติอยู่เสมอ นี่แหละคือการปฏิบัติธรรม

เกิดเป็นคน อย่าเป็นคนหลอกลวงไร้สัจจะ ถ้าเป็นคนหลอกลวงจะไม่สามารถเปิดใจต่อผู้อื่นได้... ความทุกข์ที่สุดของมนุษย์คือใจที่ไร้ที่พึ่ง...

ไม่ว่าจะรู้หรือไม่รู้ ยอมรับหรือไม่ยอมรับก็ตาม จิตที่ดีงามย่อมไม่มีเรื่องทุกข์ใจฺ...

จิตที่ประเสริฐ ย่อมไม่มีผู้ที่จะต้องเคียดแค้นชิงชัง... จิตที่เรียบง่าย ย่อมไม่มีเรื่องว้าวุ่นใจ... เป็นคนดี กายใจซื่อตรง ย่อมหลับเป็นสุข... ผู้ประกอบกรรมดี ฟ้าดินย่อมมองเห็น ผีสางเทวดาย่อมสรรเสริญ

ความสงบที่แท้จริงมิได้เกิดจากการนั่งนิ่งๆหลายชั่วโมง แต่เกิดจากการมองผู้คนและสิ่งทั้งหลายด้วยใจที่สงบ ได้ยินแม้แต่เสียงดอกไม้บาน... นั่งก็เป็นสมาธิ เดินก็เป็นสมาธิ

เหตุเกิดขึ้นแล้วก็ดับไป เหตุเกิดขึ้นแล้วก็ว่างเปล่า...ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตของทุกคน ไม่มีใครสามารถเป็นเจ้าของได้ ได้แต่เพียงเกี่ยวข้องแล้วก็ผ่านไป... พวกเราทุกคนเป็นเพียงแขกผู้ผ่านกาลเวลาเท่านั้น... วันหนึ่งเราก็ต้องบอกลาทุกสิ่งไป

ทุกสิ่งที่ปรากฎต่อหน้าเรานั้นควรจะทนุถนอม... แต่สิ่งที่ผ่านไปแล้วก็ไม่ควรต้องอาลัย... สิ่งใดที่ควรได้ก็ให้รับเขาด้วยความยินดีแต่ไม่ยึดถือ..

ขออวยพรแด่ทุกคนที่มีวาสนาได้เกิดมาร่วมโลกกัน... เป็นครอบครัวเดียวกัน... เป็นญาติสนิทมิตรสหาย... รวมทั้งสรรพสัตว์ทั้งหลายขอจงมีความสุข เบิกบานใจทุกวันคืน...

ถ้าอ่านแล้วจะส่งต่อให้เพื่อนก็เป็นบุญ จะพิจารณาอยู่ก็เป็นคุณที่ดีเฉพาะตัว...

ขอบคุณสำหรับทุกๆ ท่านที่ช่วยแชร์ต่อๆ ไป... ขออำนาจกรรมดีความดีจงคุ้มครองให้ทุกทุกท่านวิวัฒน์สวัสดีตลอดกาลนาน

วันอาทิตย์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

มหัศจรรย์แห่งการอ่าน

เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา มีปรากฏการณ์มหัศจรรย์เกิดขึ้นที่ร้านหนังสือเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง!
. . . . .

ขณะที่ร้านหนังสืออื่นกำลังค่อย ๆ ตายลง แต่สำหรับร้านนี้ดูเหมือนจะตายยาก- - มิเพียงไม่ตาย แต่ยังต่อลมหายใจได้ด้วยพลังรักแรงศรัทธาของประชาชนในเมือง!
. . . . .

October Books ร้านหนังสืออิสระเล็ก ๆ ที่เมืองเซาแธมป์ตัน เกือบจะต้องปิดตัวเองลง เพราะสู้ค่าเช่าตึกที่สูงขึ้นไม่ไหว ซึ่งอยู่มานานตั้งแต่ปี 1977 เจ้าของร้านจึงคิดโครงการระดมทุนจากประชาชนเพื่อซื้อตึกเก่า(ราคาประมาณ  400,000 เหรียญ)ที่อยู่ห่างออกไปราว 500 เมตร ปรากฏว่าได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยม ลูกค้าประจำกว่าหลายร้อยคน ร่วมกันบริจาคและบางคนให้ยืมเงินเพื่อบรรลุเป้าหมายที่จะซื้อตึกนั้น
.

เมื่อซื้อตึกสำเร็จ ถึงตอนที่จะต้องย้ายหนังสือจำนวนมากไปยังร้านใหม่ก็เป็นปัญหาอีกรอบ เพราะหากต้องจ้างบริษัทขนย้าย ก็ต้องใช้เงินอีกก้อนโต เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางร้านจึงประกาศรับอาสาสมัครเป็น “สายพานลำเลียง”หนังสือ เขาคิดว่าคงมีจิตอาสามาสัก 10-20 คน แต่เมื่อถึงวันย้าย - กลับผิดคาด! พวกเขามากันกว่า 200 คน ยืนเรียงกันเป็นแถวยาวบนทางเท้า ส่งต่อหนังสือจำนวน 2,000 กว่าเล่ม จากมือหนึ่งสู่อีกมือหนึ่ง จากร้านเดิมไปยังร้านใหม่!
.

คนที่เดินผ่านไปมาเมื่อรู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ ก็จะกระโดดเข้าร่วมวงด้วยทันที มิเพียงเท่านั้น ร้านอาหารใกล้เคียง ยังได้เอื้อเฟื้อชากาแฟร้อน ๆ มาบริการเหล่าอาสาสมัครด้วย
.

เมื่อภาพข่าวนี้แพร่กระจายออกไป หลายคนชื่นชม หลายคนตั้งคำถาม- -

ทำไมร้านหนังสือเล็ก ๆ ร้านหนึ่ง ถึงมีคนรักมากมาย...?
ทำไมชาวเมืองจึงพร้อมใจกันขนาดนี้?
ใช่การอ่านหรือไม่ ที่ทำให้ชุมชนแข็งแรง?

ไม่มีคำตอบที่ชัดเจนแน่นอน
แต่เท่าที่รู้- -

สายพานลำเลียงความรักนี้ ต้องเริ่มต้นจากมือหนึ่งสู่อีกมือหนึ่ง ความมหัศจรรย์จึงเกิดขึ้นได้

เช่นเดียวกัน, สังคมดี ๆ ไม่ใช่ได้มา ด้วยการเนรมิตร้องขอ
หากเราทุกคนต้องร่วมใจ ลงมือทำ สร้างขึ้นเอง!

ปะการัง

วันศุกร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

เคยสงสัยว่าตอบจบของ "ไซอิ๋ว" คืออะไร

เพราะสารภาพตามตรงว่าไม่เคยอ่านจริงๆจังๆ สักที เคยดูทางทีวีบ้างบางตอน รู้แต่ว่าเป็นนิยายที่แต่งขึ้นโดยมีเค้าโครงเรื่องจริงของ พระเสวียนจั้ง ที่ไปอัญเชิญพระไตรปิฎกที่อินเดีย แต่เสริมเรื่องอภินิหารให้อ่านสนุกขึ้น
.
วันนี้เลยนั่งดู google  กลายเป็นนั่งอ่านไป 4-5 ชั่วโมง แล้วก็ไปเจอที่เค้าเฉลยว่า ทำไมไซอิ๋วจึงเป็นนิยายที่ทรงอิทธิพลของจีน ไม่ใช่แค่มันแฟนตาซีเท่านั้น แต่ไซอิ๋วคือ การกางพระไตรปิฎกออกมา แล้วเขียนใหม่ในมุมนิทาน
.
"พระถังซำจั๋ง" คือศรัทธา จะไปชมพูทวีป ต้องเริ่มจากมีศรัทธาก่อน พกจิตไปด้วยซึ่งจิตคนเรา ประกอบด้วย..

โทสะ - หงอคง โกรธ 
โลภะ - ตือโป๊ยก่าย โลภ
โมหะ - ซัวเจ๋ง ความไม่รู้

ก็แค่นั้น จนเจอที่เขาอธิบายใน Google แต่ละบทแบบละเอียด ทึ่งในความสามารถของคนแต่งเลยครับ
.
"หงอคง" แปลงกายได้ เหาะเหิน เดินอากาศได้ ทำอะไรก็ได้ เพราะหงอคง คือจิตคนเรา ที่เป็นลิง ไม่อยู่นิ่ง คิดไปเรื่อย แค่คุมให้ตามลมหายใจยังยากเลย ดังนั้น ถ้าเราคุมหงอคงได้.... การไปชมพูทวีปจะง่ายขึ้น ... เป็นต้น
.
และเมื่อไหร่ก็ตามที่เราโกรธ - โทสะเราจะเหมือนหงอคง เวลาแผลงฤทธิ์ พังพินาศ ราบเป็นหน้ากลอง
.
แต่หงอคงแพ้อะไร ? โดนขังไว้ที่ไหน ?
ใช่แล้ว แพ้ฝ่ามือยูไล โดนขังไว้ที่เขา 5 นิ้ว
.
ฝ่ามือยูไล และเขา 5 นิ้ว แทน "ขันธ์ 5 " ต่อให้จิตแน่แค่ไหน สุดท้ายก็ไม่พ้นขันธ์ 5 ได้แก่ รูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ
.
นอกจากนี้หงอคงยังมีกระบองวิเศษจัดการปีศาจได้ตลอด กระบองนั้นแทนปัญญา แต่ทว่า มีจิต กับปัญญา แค่นั้นยังเกิดปัญหาได้
.
พระยูไลจึงประทานมงคล มารัดหัวไว้ ให้พระถังซำจั๋งคอยดูแล มงคลนั้นก็แทน "สติ" ซึ่งมงคลเป็นรัดเกล้า 3 ห่วงคล้องกัน แทนไตรลักษณ์ อนิจจัง ทุกข์ขัง อนัตตา

ปีศาจแต่ละตัว แทนกิเลสที่เราต้องค่อยกำจัดออกไป
.
ตอนเจอกันครั้งแรกเห้งเจียบอกพระถังว่า.. "จะไปชมพูทวีป ผมพาพระอาจารย์ตีลังกาไป 7 ทีก็ถึง มามัวเสียเวลาเดินทำไมกัน ไม่เข้าใจ" พระถังบอกว่า  "ไม่ได้..ต้องเดินไป"
.
ปริศนาธรรมข้อนี้บอกว่า จิต+ปัญญา ฟังเขาเล่า ฟังเขาบอก คิดเอาเองก็บอกง่าย แป๊บเดียวก็ไปถึงนิพพานละ
เช่น  คนเล่าให้ฟังเรื่องอริยสัจ 4 ทางดับทุกข์ ก็บอกฟังเข้าใจละ.. แต่จริงๆ แล้ว ยังไม่เข้าใจ..
.
ธรรมมะต้องลงมือปฎิบัติ เหมือนหงอคงบอกตีลังกาไป 7 ที  มันไปไม่ถึงเพราะเอาเร็วเข้าว่า แต่ขาดความเข้าใจ ต้องค่อยๆ เดินไป ศึกษาไป ปฎิบัติไป จึงจะถึง...
.
โป๊ยก่าย คือศีล 8  
ซัวเจ๊ง คือสมาธิ

ศรัทธา + ปัญญา + ศีล + สมาธิ  จึงจะพ้นทุกข์
.
แต่บางครั้งปีศาจบางตัวก็เก่งเหลือเกิน ต้องไปตามเจ้าแม่กวนอิมมาช่วย
เจ้าแม่กวนอิม คือ เมตตา
.
.
ปัญญา + เมตตา จะกลายเป็นสัมมาทิฏฐิ ธรรมชั้นสูงซึ่งปราบกิเลสได้เสมอ แต่เจ้าแม่กวนอิม มักให้เห้งเจียลองสู้จนหมดแรงก่อน ถึงมาช่วย เหมือนหากมีกิเลส ควรใช้ปัญญาลองขจัดดูก่อน เกินกำลังแล้วจึงใช้เมตตา..ปล่อยวาง

ถ้าเกินกำลังเมตตา เจ้าแม่กวนอิมช่วยไม่ไหว คนสุดท้ายที่มักมาช่วย คือ พระยูไล พระยูไล แทน พระอริยสงฆ์
.
ลำดับปีศาจแต่ละตัวในเรื่องก็สุดยอดมาก เช่น เมื่อเริ่มเดินทาง ก็พบโจรทั้งหก ขัดขวางไม่ให้ไป สุดท้ายเห้งเจียเลยเอากระบองตีจนตาย
.
โจรทั้งหกคือ "อายตนะ 6"  คือ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส และอารมณ์ ต้องเอา ปัญญา (กระบอง) ฟาดให้ตายก่อนถึงเริ่มออกเดินทางได้
แล้วก็จะเจอปีศาจไปเรื่อยๆ
.
สรุป ศรัทธา + ปัญญา + ศีล + สมาธิ.. ออกเดินทาง กำจัดกิเลส.. ไปจนถึงชมพูทวีป แล้วได้อะไร ?
.
ตอนจบพระถังซำจั๋งและคณะ มาถึงแม่น้ำแห่งหนึ่ง สายน้ำเชี่ยวกรากมาก ไม่รู้จะข้ามไปยังไง จนเจอเรือไร้ท้องเรือ จอดอยู่ พระถังกังวลมาก เรือไม่มีท้องเรือจะพาข้ามฟากได้อย่างไร?
.
แต่สุดท้ายก็ยอมใช้เรือข้ามไป แม่น้ำเชี่ยวกรากแทนกองกิเลส เรือนั้นแทน "สุญญตา" ความไม่ยึดมั่นถือมั่น
.
เมื่อข้ามมาแล้วก็ถึงชมพูทวีป และได้คัมภีร์มา..เป็นหนังสือเปล่าหนึ่งเล่ม
แทนธรรมมะ ซึ่งก็คือความว่างเปล่า ...หรือ "นิพพาน" นั่นเอง
.
แต่สุดท้าย.. เห้งเจียขอให้มีอะไรกลับไปเมืองจีนหน่อย เพราะคนธรรมดาคงไม่เข้าใจ เลยได้คัมภีร์มาอีกเล่มนึง เต็มไปด้วยอักษร เป็นบันทึกการเดินทาง เรียกว่า "พระไตรปิฎก" ...

เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้

อ่านแล้วต้องคารวะคนแต่งเลย ....
เก่งและแยบยลมากๆ