หน้าเว็บ

วันจันทร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

แก้เชือกไม่ได้ ก็แก้ปัญหาไม่เป็น

ตอนเด็ก ๆ  ฉันเคยหัวเสียกับเชือกที่พันกันยุ่งเหยิง  ยิ่งแก้ยิ่งอารมณ์เสีย ฉันร้องห่มร้องไห้ โทษดินฟ้าอากาศ แล้วคิดว่าทำไมฉันต้องทนกับเจ้าเชือกไร้สาระพวกนี้ด้วย เลยใช้มีดตัด ๆ ตัดจนเชือกขาดเป็นชิ้น ๆ (สะใจจริง)

พอหายโมโห ฉันนั่งมองกองเชือกขาด ๆ  ที่ไร้ประโยชน์  (โถช่างน่าสงสารจริง ๆ ทั้งตัวเองและเชือก)

แต่แล้วครั้งต่อมา พอเชือกพันกันอีก ฉันก็ใช้มีดตัดมันอีกอย่างไม่คิดอะไร

จนวันหนึ่ง...ฉันเห็นแม่นั่งแก้เชือก ที่พันกันกองโต มันยุ่งชนิดที่ว่า ชาตินี้คงไม่สามารถกลับมาเป็นเส้นตรงได้เหมือนเดิม

ฉันเห็นแม่นั่งแก้ทุกวัน วันละนิดละหน่อย พอเบื่อก็ไปทำอย่างอื่น ทิ้งกองเชือกกองไว้ แล้วก็กลับมานั่งแก้อีก จนฉันรำคาญ  และคิดว่าทำไมแม่ต้องทนกับกองเชือกไร้สาระพวกนี้ เลยบอกแม่ว่าเอามีดตัดมันออกเถอะ  นั่นแหละฉันถึงได้เข้าใจเมื่อแม่ตอบว่า...

“เวลาที่เชือกพันกัน เขาห้ามใช้มีดตัด ต้องแก้ออกให้ได้ เพราะเชือกเป็นเส้นเดียวต่อให้พันกันยุ่งแค่ไหนก็แก้ได้ ถ้าแค่เชือกพันกันแค่นี้ลูกแก้ไม่ได้ แล้วต่อไปจะแก้ปัญหาอะไรในชีวิตได้ ลูกก็จะแก้ปัญหาสุ่ม ๆ เหมือนที่ใช้มีดตัดเชือกนั่นแหละ ถ้าลูกไม่อดทนแก้เชือกด้วยมือตัวเอง ค่อย ๆ แกะวันละนิดละหน่อย แค่นี้ทำไม่ได้แล้วจะไปทำอะไรได้ ไม่มีอะไรยากไปกว่าความอดทนของคนหรอก”
หลังจากนั้นอีก 3 วัน ฉันเห็นขดเชือกเส้นสวยเป็นระเบียบแขวนอยู่ ฉันมองอย่างทึ่ง แม่ยิ้มอย่างภูมิใจ

เรื่องนี้ทำให้ฉันรู้ว่า ปัญหาของคนเรา จริง ๆ แล้วคือบทเรียนที่มีคุณค่า

เพราะถ้าเราตั้งใจแก้มัน มีหรือจะไม่มีทางออก แพ้บ้าง ชนะบ้างเป็นเรื่องปกติ จะได้ “ล้มเป็นลุกเป็น”
โลกสร้างปัญหา สร้างความทุกข์ให้เราผ่านไปให้ได้ ฉันไม่เคยซ้ำเติมคนที่ฆ่าตัวตายว่าเขาโง่ เพียงแต่เขาก้าวผ่านปัญหาบนโลกไปไม่ได้ เขาเลยเลือกที่จะหนีไปจากโลกนี้แทน ด้วยความขาดสติ ด้วยอารมณ์ชั่ววูบ

พอวันวัยผ่านมา ตอนนี้ฉันได้รู้ว่า ชีวิตคนเราผิดพลาดได้ ความพ่ายแพ้เป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่สิ่งเลวร้ายอะไรเลย ไม่ว่าจะเหนื่อยจะท้อแค่ไหน อย่าหนีปัญหาไปเฉย ๆ  แค่บอกปัญหาว่าพักสักเดี๋ยว  แล้วค่อยมาเจอกันใหม่

ประสบการ์ณที่ดีจะทำให้เราเข้มแข็ง ประสบการ์ณที่ไม่ดีจะทำให้เราเข้มแข็งยิ่งกว่า

"จงเรียนรู้จากปัญหาที่เกิดแล้วคุณจะเก่งขึ้น"