หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2558

หลวงจีนกับคนตัดฟืน


นานมาแล้วมีหลวงจีนท่านหนึ่ง อาศัยอยู่ในวัดบนภูเขา
มาวันหนึ่งมีชายพเนจรหลงทางผ่านมา และขออาศัยอยู่ในวัด
ด้วยความซาบซึ้ง
ชายผู้นั้นได้ขออาศัยช่วยงานวัด โดยขอทำหน้าที่ตัดฟืน
เนื่องด้วยร่างกายของเขาที่ยังคงแข็งแรงเพราะอยู่ในวัยหนุ่ม
ชายตัดฟืนได้ทุ่มเทแรงกายแรงใจ

ตัดฟืนอย่างขยันขันแข็ง วันแรกเขาสามารถตัดฟืนได้ถึง 250 ท่อน
และมั่นใจว่าในวันรุ่งขึ้นจะสามารถตัดฟืนได้มากขึ้นกว่าเดิมด้วย
วันรุ่งขึ้นเขาลุกขึ้นมาทำงานแต่เข้าอย่างขยันขันแข็งเช่นเคย
แต่กลับตัดฟืนได้น้อยกว่าเดิม
เขาตัดฟืนได้เพียง 150 ท่อนเท่านั้น เขาคิดว่าสาเหตุที่ตัดฟืนได้น้อย
อาจเป็นเพราะความอ่อนล้าจากเมื่อวานนั่นเอง แต่แล้วในวันถัดมา
เขากลับตัดฟืนได้น้อยกว่าวันที่สอง และวันถัด ๆ มา
ก็ยิ่งตัดฟืนได้น้อยลงเรื่อย ๆ
ทั้งที่เขายังคงขยันขันแข็งเหมือนเดิม ทำงานหนักเหมือนเดิม

จนกระทั่งวันหนึ่งเขาตัดฟืนได้เพียง 50 ท่อนเท่านั้น เขาเริ่มอ่อนล้า
และขอเปลี่ยนไปทำหน้าที่อย่างอื่นแทน
วันหนึ่งหลวงจีนจึงเดินเข้าไปดูที่ลานตัดฟืน
เมื่อดูอย่างถี่ถ้วนแล้ว จึงถามชายตัดฟืนว่า
“โยมเอ๋ย เจ้าไม่ได้ลับขวานของเจ้ามานานเท่าใดแล้ว?”
ชายหนุ่มได้แต่นิ่งอึ้ง และคิดถึงสิ่งที่หลวงจีนถามอย่างตระหนักได้ว่า…
“จริงสิ ที่เราตัดฟืนได้น้อยลงทุกที ๆ นั้น ไม่ใช่เพราะความอ่อนล้าเลย
แต่เพราะเราไม่ได้คิดว่าขวานที่ใช้ตัดฟืนนั้นยังคมกริบอยู่เหมือนเดิมหรือไม่
เหตุที่เราตัดไม้ได้น้อยคงเป็นเพราะเหตุนั้นนั่นเอง…”

คนเรามักคิดว่า หากเรามีความพยายามมากพอแล้ว
สิ่งที่ทำจะต้องสำเร็จทุกครั้งไป
แต่ความจริงนั้นไม่ถูกต้องเสียทีเดียว หากความพยายามนั้นขาดการพิจารณา
ความรอบคอบ และความระมัดระวัง มุ่งเพียงทำไปโดยไม่ติดตามผล
ความพยายามนั้นย่อมสูญเปล่า
หากยังรั้นทำต่อไปก็มีแต่จะเสียเวลาและแรงกายแรงใจไปเปล่า ๆ เท่านั้นเอง

ขอบคุณครับ Mr.Farmer