หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2553

THE PRESENT – ของขวัญที่ต้องหาด้วยตนเองเท่านั้น

ผู้เฒ่าใจดีผู้อยู่ข้างบ้านบอกเด็กน้อยว่า  ในโลกนี้มีของขวัญ (PRESENT) อยู่ชิ้นหนึ่งที่เลิศกว่าของขวัญใดๆทั้งสิ้นที่เจ้าหนูจะได้รับในชีวิต เพราะมีคุณค่าอย่างที่สุด

เจ้าหนูถามว่าทำไมมันจึงมีค่ามากนัก  ผู้เฒ่าก็ตอบว่า เพราะเมื่อใครได้รับ THE PRESENT  นี้แล้วจะมีความสุขมากขึ้น  และสามารถทำสิ่งต่างๆตามที่ต้องการได้ดีกว่าเดิม

เมื่อเจ้าหนูโตขึ้น ในเวลาว่างก็รับจ้างตัดสนามหญ้า  มีความสุขร้องเพลงไปทำงานไป  ใจจดจ่ออยู่กับงานที่ทำอย่างเต็มที่  และมักถามผู้เฒ่าว่า THE PRESENT คือไม้วิเศษที่ชี้และเสกคาถาบันดาลให้เกิดอะไรก็ได้  ให้รวยก็ได้  ไปเที่ยวที่ไหนก็ได้ ... ใช่ไหม

ผู้เฒ่าตอบว่าไม่ใช่โดยตรง แต่ THE PRESENT นี้จะทำให้เจ้ารวยได้ในหลายลักษณะ  มูลค่าของมันไม่อาจวัดได้ด้วยทองคำหรือเงิน

เจ้าหนูก็รู้สึกมึนๆกับคำตอบนี้

หลายปีผ่านไป  เจ้าหนูก็โตขึ้นเป็นหนุ่มและเริ่มทำงาน  เมื่อพบกันก็รบเร้าถามอีกว่า THE PRESENT นั้นคืออะไร  จะทำให้ประสบความสำเร็จได้อย่างไร  และความสำเร็จคืออะไร

ผู้เฒ่าก็ตอบว่า ความสำเร็จคือ การก้าวกระเถิบเข้าใกล้สิ่งอะไรก็ได้ที่เราคิดว่าสำคัญ  อาจเป็นการได้คะแนนดีขึ้น เล่นกีฬาเก่งขึ้น มีความสัมพันธ์ที่ดีกับพ่อแม่ ได้เงินเดือนขึ้น มีความสุขกับชีวิต  ร่ำรวย  ได้รับการยอมรับจากคนอื่นๆ ...

ความสำเร็จคือสิ่งที่เราทุกคนต้องให้คำจำกัดความด้วยตัวของเราเองในแต่ละขั้นตอนของชีวิต

เมื่อเจ้าหนูทำงานก็ประสบปัญหาผิดหวังที่ไม่ได้เลื่อนตำแหน่ง  รู้สึกเหนื่อยหน่ายกับชีวิตเพราะทำงานหนัก และผิดหวังกับความรัก เวลาทำงานใจก็คิดล่องลอยว่าถ้าทำงานที่อื่นจะมีความสุขกว่าไหม ทำงานนานกว่านี้จะได้เป็นอะไร หรือจะถูกไล่ออกไหม ถ้าได้ทำอย่างนั้นอย่างนี้ก็คงไม่ต้องเลิกกับแฟน โกรธ ผิดหวังที่ไม่ได้เลื่อนตำแหน่ง กล่าวคือขาดความสนใจในงานที่ทำอย่างแท้จริง  เพราะไปอยู่ในอดีตและในอนาคตเสียหมด  ไม่ได้อยู่กับปัจจุบัน จนการงานตกต่ำ  ชีวิตขาดความหวัง เมื่อหาทางออกไม่ได้  ก็ไปหาผู้เฒ่าทวงถาม THE PRESENT เพื่อจะเอามาแก้ปัญหา

ผู้เฒ่าก็ถามว่าทำไมตอนเป็นเด็กตัดสนามหญ้าจึงมีความสุขมาก เจ้าหนุ่มก็บอกว่า  เพราะตอนนั้นคิดเรื่องตัดหญ้า  ยิ่งตัดได้ดีก็ยิ่งมีคนจ้าง

ผู้เฒ่าก็บอกว่า  ฟังให้ดีนะ  THE PRESENT  นั้นคือของขวัญที่เจ้าจะต้องหาให้ตัวเอง ไม่มีใครให้ใครได้  และตัวเองเท่านั้นที่จะมีอำนาจค้นพบว่ามันคืออะไร

เจ้าหนุ่มหลบไปอยู่กระท่อมบนภูเขาคืนหนึ่งคนเดียว  ได้ไปเห็นเตาผิงที่เรียงด้วยก้อนหินสวยงามยิ่ง ก็ฉุกคิดว่า  ตอนสร้างเตาเขาคงต้องให้ความสนใจและทำงานอย่างเต็มที่แก่งานนั้น โดยไม่นึกถึงสิ่งอื่นใดเลยจึงสามารถสร้างสิ่งที่สวยงามเช่นนี้ได้และนึกถึงคำพูดของผู้เฒ่าที่ว่า  หากจะหา THE PRESENT ให้พบ  ต้องพยายามนึกถึงเวลาเมื่อมีความสุขที่สุด คิดไปๆ ก็นึกได้ว่า คนเราเมื่อมีจิตมุ่งเต็มที่ และมีความพอใจกับสิ่งที่ทำ ก็จะมีความรู้สึกดีมีความสุข

เขานึกขึ้นมาได้ทันทีว่า THE PRESENT (ของขวัญ) ที่เขามองหาอยู่ที่แท้ก็คือ THE PRESENT ที่หมายถึงปัจจุบันนั่นเอง

การหา ... ของขวัญ... เจอก็คือการตระหนักว่า  ต้องอยู่กับห้วงเวลาปัจจุบัน

เน้นให้ความสำคัญกับสิ่งที่เกิดขึ้นและกระทำอยู่ในปัจจุบัน ซาบซึ้งในสิ่งที่เกิดขึ้นและมีอยู่ในปัจจุบันเท่านั้น  คนเราเมื่ออยู่ในปัจจุบันโดยไม่ถูกกระทบกระทั่งโดยสิ่งที่เรียกว่า noises or disturbances จากการกระทำในอดีตหรือจากความฝันเฟื่องหรือจากความกังวลใจกับอนาคต แล้วก็จะรู้สึกมีความสุขและรู้สึกว่าประสบผลสำเร็จ

เขาดีใจมากรีบไปหาผู้เฒ่า ผู้เฒ่าก็หัวเราะชอบใจและบอกว่าเจ้าได้พบ THE PRESENT แล้ว มันเป็นของขวัญที่เจ้าให้กับตัวเอง

นั่นก็คือการมุ่งเน้นคิดถึงสิ่งที่เกิดอยู่ในปัจจุบันเท่านั้นเพราะมันจะทำให้เจ้ามีพลังและศักยภาพในการทำงานได้เต็มที่และจะมีความรู้สึกเป็นสุข ในเวลาปัจจุบันเมื่อประสบบางสิ่งที่เลวร้ายขอให้นึกถึงสิ่งดีๆ ที่เจ้ามีอยู่  และพยายามมองหาสิ่งดีๆที่อาจเกิดขึ้นจากสิ่งร้ายๆ นั้น  เพื่อให้มีพลังและความเชื่อมั่นไปสู้กับสิ่งเลวร้ายนั้น

หลัก 3 ข้อที่ต้องจำก็คือ

1.เน้นให้ความสำคัญแก่ห้วงเวลาปัจจุบัน
2.ซาบซึ้งและหาความสุขจากสิ่งที่มีอยู่
3.ให้ความสำคัญต่อสิ่งที่สำคัญในปัจจุบัน
            
ในกรณีของเจ้าถึงไม่ได้เลื่อนตำแหน่ง ผิดหวังในความรัก เจ้าก็ยังมีงานที่ดีทำในองค์กรที่มั่นคงมีอนาคต มีโอกาสพบผู้หญิงอีกมากมาย อย่าปล่อยให้ความผิดพลาดหรือความเจ็บปวดในอดีตหรือความกังวลเกี่ยวกับอนาคตมารบกวน

วันเวลาผ่านไป  เจ้าหนุ่มก็กลับมาหาผู้เฒ่าอีกและถามว่าผมไปคิดๆ ดู  เราจะมุ่งเน้นแต่ปัจจุบันโดยไม่สนใจอดีต และอนาคตเชียวหรือ  ของขวัญชิ้นสำคัญนี้จะเพียงพอต่อการมีความสุขในชีวิตและในการทำงานตลอดไปจริงหรือ

ผู้เฒ่าก็บอกว่า เพียงพอแน่นอนแต่เจ้าต้องจัดการเกี่ยวกับเรื่องอดีต  อนาคต และปัจจุบันอย่างสมดุลกัน เราต้องเรียนรู้อดีตที่ผิดพลาดเพื่อเอาไว้เป็นบทเรียนหรือถ้าเป็นสิ่งที่ทำไว้ดีในอดีตก็ต้องเอามาศึกษาเช่นกัน  ส่วนอนาคตนั้นเราต้องวางแผนเพราะการวางแผนสำหรับอนาคตจะช่วยลดความกลัวและความกังวลใจลง  เราต้องมีการวางแผนตราบที่เราต้องการให้อนาคตดีกว่าปัจจุบัน

ผู้เฒ่ากล่าวต่อว่า  ลองจินตนาการกล้องถ่ายรูปที่ตั้งอยู่บนฐานสามขา  ขาแรกคือการเรียนรู้จากอดีต  ขาที่สองคือการมีชีวิตอยู่กับปัจจุบัน  และขาที่สามคือการวางแผนสำหรับอนาคต  ทั้งสามขาต้องสมดุลกันเพื่อสนัสนุนกล้องถ่ายรูปที่หาค่าไม่ได้นั้น

ถ้าไม่อยู่กับปัจจุบันก็จะไม่ตระหนักถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นรอบตัวเรา  ถ้าไม่เรียนรู้จากอดีตก็วางแผนอนาคตไม่ได้และถ้าไม่มีแผนสำหรับอนาคตก็จะล่องลอยอย่างไร้ความหมาย

วันหนึ่งชายหนุ่มก็ประสบกับโลกแห่งความเป็นจริงว่าผู้เฒ่าได้จากเขาไปแล้ว เขาเศร้าเสียใจและยิ่งคิดก็ยิ่งเห็นความยิ่งใหญ่ของผู้เฒ่าซึ่งประสบความสำเร็จในชีวิตและการงาน
เป็นคนมีความสุขมีความสงบมีพลังล้นเหลือและเป็นที่รักเคารพของคนทั่วไป

เขาสงสัยว่าทำไมผู้เฒ่าถึงยอมเสียเวลามากมายกับเขาและเด็กๆแทนที่จะเอาเวลาเหล่านั้นไปหาความสุขอย่างอื่น และเขาก็ตระหนักว่าเพราะผู้เฒ่ามีจุดมุ่งหมายในชีวิตที่จะเผยแพร่เรื่อง THE PRESENT และให้ปัญญา (wisdom) แก่คนรุ่นใหม่ เพื่อให้พบความสุข ทุกอย่างที่ผู้เฒ่าทำไปล้วนมี sense of purpose ทั้งสิ้น

และเขาก็เข้าใจว่า sense of purpose ในชีวิตนี้แหละที่เป็นตัวเชื่อมต่ออดีต ปัจจุบันและอนาคตเข้าด้วยกัน และให้ความหมายแก่ชีวิต

เขาเข้าใจว่าการมีชีวิตอยู่อย่างมีจุดมุ่งหมายนั้นไม่ได้หมายถึงการรู้ว่าจุดหมายคืออะไรหรือรู้ว่าต้องทำอะไรเท่านั้น หากต้อง รู้ว่า..ทำไม..ด้วยการมีชีวิตอย่างมีจุดหมายอย่างคำนึงถึงแต่ปัจจุบันโดยเรียนรู้จากอดีตและมีการวางแผนชีวิต  ไม่ใช่การวางแผนชีวิตที่ใหญ่โตอะไร มันเป็นวิธีการปฏิบัติในการดำเนินชีวิตประจำวันที่ได้ผลและทำให้มีความสุขในชีวิต ซึ่งในที่สุดจะทำให้มีความสามารถในการนำ บริหารจัดการ สนับสนุนช่วยเหลือ เป็นมิตรกับผู้คนและให้ความรักกับคนอื่นๆได้ดียิ่งขึ้น

เสียงหัวเราะของเด็ก  เสียงร้องอันไพเราะของนก  ความงดงามของต้นไม้ดอกไม้ ใบหญ้า  ความสุขจากการอยู่กับคนที่รัก  ความสุขจากความรักในครอบครัว ความงดงามที่ได้รับจากเพื่อนมนุษย์  ความสุขจากการให้  ความสุขทางกายและใจต่างๆแม้เล็กน้อยเพียงใด  ไม่ว่าจะมีเงินมากหรือน้อยล้วนเป็นเรื่องของปัจจุบันที่สามารถตักตวงความสุขมาได้อย่างเบิกบานทั้งสิ้นโดยมิพักต้องกังวลกับอดีตที่ผ่านไปแล้ว หรืออนาคตที่ยังมาไม่ถึง

ถ้าท่านชอบนิทานเรื่องนี้  กรุณาช่วยผู้เฒ่าใจดีของเราโดยการเผยแพร่ให้คนอื่นๆ ต่อไปด้วยค่ะ
 
บทความจาก วรากรณ์ สามโกเศศ หนังสือพิมพ์มติชน
..