หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2554

มองโลกในแง่ดีกันเถอะ


จอร์รี่เป็นผู้จัดการของร้านอาหารแห่งหนึ่งในอเมริกา เขามักจะอารมณ์ดีอยู่เสมอ และมักจะมีมุมมองต่อเหตุการณ์ต่างๆ ในแง่ดี เวลาที่มีใครถามเขาว่าเขาทำอย่างนั้นได้อย่างไร เขามักจะตอบว่า "ถ้าผมสามารถเป็นอะไรที่ดีกว่านี้ได้.....ผมอยากจะมีฝาแฝด!"

พนักงานเสริ์ฟในร้านอาหารที่เขา ทำงานอยู่หลายคนออกจากงานไปพร้อมกับเจอร์รี เมื่อเขาย้ายงานเพื่อจะได้ติดตามเขาไปจากร้าน หนึ่งไปยังอีกร้านหนึ่ง...สาเหตุทั้งหมดก็มาจากการเป็นคนมองโลกในแง่ดีและทัศนคติของเจอร์รี่ เขาเป็นผู้ผลักดัน...เป็นคนที่ให้กำลังใจผู้อื่นได้อย่างดีเยี่ยม ถ้ามีลูกน้องคนไหนเจอกับเรื่องแย่ๆ มา เจอร์รี่จะอยู่กับเขาเสมอ..พร้อมทั้งแนะนำลูกน้องคนนั้นให้ได้มองเห็นด้านดีๆ หรือสิ่งที่เราสามารถ เรียนรู้ ได้จากเรื่องราวแย่ๆ ที่เกิดขึ้น วันหนึ่งฉันถามเจอร์รี่ว่า "ฉันไม่เข้าใจ.....คนเราจะมองโลกในแง่ดีอยู่ตลอดเวลาได้ยังไง คุณทำได้ยังไงนะ"

เจอร์รี่ตอบว่า "ทุกๆ เช้า...ผมตื่นขึ้นมาพร้อมกับบอก ตัวเองว่า..ผมมีทางเลือกสองทางสำหรับวันนี้ ผมเลือกที่จะมีอารมณ์ดีตลอดทั้งวันก็ได้...หรือจะมี อารมณ์เสียตลอดทั้งวันก็ได้เหมือนกัน ซึ่งผมมักจะเลือกอารมณ์ดี บางครั้งก็มีเหตุการณ์แย่ๆ เกิดขึ้น เราก็สามารถเลือกได้นี่นาว่าเราจะเป็นเหยื่อของเหตุการณ์นั้น หรือว่าเลือกที่จะเรียนรู้มัน...ผมมักเลือกที่จะเรียนรู้ ทุกครั้งที่มีบางคนมาติมาบ่นอะไร มีทางเลือกให้เราเลือกได้ว่าจะยอมรับเสียงเหล่า นั้นหรือว่าจะมองหาด้านดีของชีวิต ผมเลือกอย่างหลัง"

"แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ" ฉันแย้ง "ใช่...ไม่ง่ายเลย" เจอร์รี่กล่าว "ชีวิตล้วนเต็มไปด้วยทางเลือก เมื่อคุณตัดสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องทั้งหมดออกไป แล้วทุกสถานการณ์ต่างก็มีทางเลือกของมัน...คุณเลือกได้ว่าจะตอบสนองกับเหตุการณ์นั้นอย่างไร...คุณเลือกได้ว่าจะให้ผู้คนรอบข้างมีผลกับความรู้สึกของคุณได้อย่างไร... คุณเลือกที่จะมีอารมณ์ดีหรือแย่ก็ได้ มันเป็นทางเลือกว่าคุณจะใช้ชีวิตของคุณอย่างไร"

หลายปีต่อมา...ฉันได้ข่าวมาว่าเจอร์รี่ลืมล็อคประตูด้านหลังร้านและถูกปล้นโดยโจรสามคนที่มีอาวุธ ระหว่างที่เจอร์รี่กำลังพยายามเปิดเซฟมือของเขาสั่นเนื่องจากความตื่นเต้นทำให้เกิดพลาดโจรพวกนั้นยิงเขา โชคยังดีที่มีคนพบและนำเขาส่งโรงพยาบาลอย่างทันท่วงที หลังจากการผ่าตัดที่ยาวนานถึง 18 ชั่วโมงและการดูแลรักษาในโรงพยาบาลอย่างใกล้ชิด เจอร์รี่ก็ได้ออกจากโรงพยาบาลพร้อมทั้งเศษกระสุนในร่างกาย

ฉันพบเจอร์รี่ 6 เดือนหลังจากเหตุการณ์นั้น เมื่อฉันถามว่าเขาเป็นอย่างไรบ้างเขายังคงตอบว่า "ถ้าผมเป็นอะไรที่ดีกว่านี้ได้ ผมจะเป็นฝาแฝด อยากดูแผลเป็นของผมมั้ย"

ฉันตอบปฏิเสธแต่กลับถามเขาถึงสิ่งที่ผ่านเข้ามาในความรู้สึกเขาหลังจากที่โจรพวกนั้นออกไป "อย่างแรกที่ผมคิดคือ ผมไม่ได้ล็อคประตูหลังของร้าน และหลังจากที่โดนยิงล้มลงบนพื้น ผมก็ยังคงจำได้ว่า.....ผมมีสองทางเลือกนี่นา...มีชีวิตต่อไปหรือว่า...ตายเสียใน ตอนนั้น...ผมเลือกที่จะอยู่ต่อไป"

"คุณไม่กลัวเหรอ" ฉันถาม  เจอร์รี่เล่าต่อ "เจ้าหน้าที่ผู้ช่วยแพทย์ทำหน้าที่อย่างดีมาก พวกเขาคอยบอกว่าผมจะปลอดภัย แต่เมื่อพวกเขาเข็นผมเข้าไปในห้องฉุกเฉิน ผมก็ได้เห็นความกดดันบนใบหน้าของหมอและ พยาบาล ตอนนั้นผมเริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมาจริงๆ ในสายตาของพวกเขามันเต็มไปด้วยคำพูดที่ว่า 'เขาตายแล้ว' ผมรู้ทันทีว่าผมต้องทำอะไร ผมต้องแสดงปฏิกิริยาอะไรซักอย่างให้พวกเขารู้ว่าผมยังอยู่"

"คุณทำอย่างไร" ผมรีบถาม "อืม...มีนางพยาบาลคนนึงตะโกนถามผมว่าผมแพ้อะไรหรือเปล่า ผมตอบว่า มี นางพยาบาลและหมอต่างก็หยุดทำงานรอฟังคำตอบจากผมผมหายใจลึกๆ และตอบว่า 'กระสุน!' หลังจากที่พวกเขาหัวเราะ ผมบอกพวกเขาว่าผมเลือกที่จะมีชีวิตอยู่โปรดช่วยรักษาผมอย่างคนมีชีวิต...ไม่ใช่คนตาย"

เจอร์รี่ใช้ชีวิตด้วยความรู้สึกขอบคุณความสามารถของหมอ แต่มันก็เป็นเพราะทัศนคติต่อชีวิตอันแสนจะน่าทึ่งของเขาด้วย ฉันได้เรียนรู้จากเขาว่า ทุกๆ วันคุณมีทางเลือกของชีวิต คุณเลือกที่จะรักหรือว่าเกลียดชีวิตของคุณเองก็ได้ สิ่งเดียวที่เป็นของคุณจริงๆ และไม่มีใครสามารถนำมันไปจากคุณได้ก็คือ 'ความคิดและทัศนคติ' ของคุณเอง เพราะฉะนั้น ถ้าคุณสามารถใส่ใจกับมันได้อย่างอื่นในชีวิตของคุณก็จะง่ายดายมากขึ้น