หน้าเว็บ

วันอาทิตย์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2554

ความรักกับกระถางต้นไม้ที่ล้มคว่ำ

กระถางคว่ำ ดินหกเรี่ย กลุ่มต้นไม้ล้มลุกใบเขียวเข้ม
ลำต้นอวบ ก็พากันหลุดร่วง ถอดถอนรากออกจากกระถาง
ไปกระจัดกระจายอยู่บนหลังคากระเบื้องสีนวลปูน
ฉันพยายามปีนออกไปยืนที่ขอบหน้าต่างด้านนอก เพื่อเก็บทุกอย่างให้เข้าที่
แต่ก็ได้คืนมาเพียงกระถางสีอิฐแห้งกับเศษดินอีกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

มันเป็นพันธุ์ไม้ดอกที่ฉันหอบหิ้วมาจากจังหวัดหนึ่งที่อยู่แสนไกล
ให้น้ำให้ปุ๋ยประคบประหงมอยู่ร่วมสองเดือน
แต่ไม่เคยออกดอกงาม เพื่อนๆ มักบอกว่า โฉลกฉันไม่ตรงกับต้นไม้
แค่พลูด่างที่ปลูกเลี้ยงได้ง่ายดาย
ก็ยังเลี้ยงได้ไม่งามเหมือนใครเขา แต่ฉันก็ไม่เคยหมดความพยายาม
แม้ว่าสถานที่และความเป็นอยู่นั้น ไม่เหมาะกับการปลูกต้นไม้เอาเสียเลย

ด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้ฉันต้องสูญเสียต้นไม้ที่ใส่กระถางแขวนห้อยไว้กับหน้าต่างนั้นไป
แต่ก็ยังดี ที่ฉันยังเหลือต้นไม้อีกสองกระถาง แม้มันจะเป็นไม้พันธุ์พื้นๆ ที่พบเห็นได้ทั่วไป
แต่ความสมบูรณ์ของมัน ก็ทำให้ฉันภาคภูมิใจกับความเอาใจใส่ของตัวเองได้พอสมควร

ทุกเช้าเย็นที่รดน้ำต้นไม้ข้างหน้าต่างก็ไม่ได้สังเกตถึงน้ำที่ไหลราดไปบนหลังคาว่า
ได้พัดพาดินและกลุ่มต้นไม้ที่หกคว่ำในวันนั้นให้ไปกองรวมกันอยู่บนรางน้ำฝนจนเกลี้ยงหลังคาตั้งแต่เมื่อไหร่

จนกระทั่งเช้าวันหนึ่ง
ฉันเห็นดอกไม้สีเหลืองบานอยู่อย่างสว่างไสวท่ามกลางแสงแดดอ่อน
ฉันรู้สึกถึงกลีบดอกอิสระ ก้านช่อทะนง แข็งแรง มันอยู่อย่างกล้าหาญเหลือเกิน เอื้อมไม่ถึง สัมผัสไม่ได้
แต่อิริยาบทของดอกไม้ก็ประทับใจไม่น้อยกว่าที่เคยประทับใจ

ฉันรู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่างที่พิเศษออกไป …บางที
ความรักที่เรามีต่อสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่มีมากจนเกินไป
แหนหวงเกินไป ทะนุถนอมห่วงใยเกินควร อุปการะเกินความจำเป็น
แทนที่จะเร่งรัดให้ความหวังมาถึงก่อนกำหนดอย่างใจ…
ตรงกันข้ามมันอาจกลับกลายเป็นตัวการที่ทำให้ชักช้าร่ำไรไปเสียอีก

ความรัก ความห่วงใย แม้จริงใจจริงแท้
มันก็อาจไม่ใช่สิ่งที่ดีไปทุกเวลา เราอาจต้องสร้างขอบเขตของมันไว้บ้าง
คงไม่มีสิ่งมีชีวิตใดที่ต้องการเติบโตภายใต้เงื้อมเงาแห่งการอุปการะของใครไปทุกอย่าง

กับชีวิตอิสระ แม้แดดจะแรงไปบ้าง
น้ำจะน้อยไปนิด ปุ๋ยจะขาดแคลนไปหน่อย แต่อย่างน้อย ก็ได้ชื่นชมตัวเอง
ท่ามกลางความหมายหมื่นพันประการของความรักส่วนหนึ่งคงหมายถึงการอยู่ไกลๆ
เพื่อให้อีกฝ่ายมีโอกาสเติบโตด้วยตนเอง